คดีปกครองในฉบับนี้ เป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านอัน
ข้อเท็จจริงของคดีนี้ เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครโดยผ
แต่ความเดือดร้อนที่ได้รับยังคง มีอยู่เช่นเดิม จึงขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาห รือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยการสั่งให้เจ้าของอาคารปิดท างเข้าออกรถยนต์ด้านหลังห้างและ ย้ายอาคารเก็บขยะมูลฝอยไปยังบริ เวณที่ไม่สร้างความเดือดร้อนอีก
ในเรื่องนี้มีพระราชบัญญัติควบ คุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 40 และมาตรา 42 กำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าราชการก รุงเทพมหานครในฐานะเจ้าพนักงานท ้องถิ่นไว้ว่า ให้มีอำนาจออกคำสั่งห้ามมิให้ใช ้หรือให้รื้อถอนอาคารที่มีการก่ อสร้างโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ถ้ามีเหตุรำคาญเกิดในสถานที่เอก ชนและอาจเกิดอันตรายอย่างร้ายแร งต่อสุขภาพ หรือมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอ ยู่ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของป ระชาชน ก็มีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือห ้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้สถานที่นั้นทั้งหมดหร ือบางส่วน จนกว่าจะเป็นที่พอใจว่าได้มีการ ระงับเหตุรำคาญนั้นแล้ว
คดีนี้มีประเด็นสำคัญคือ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้เข้าไปตร วจสอบและมีคำสั่งให้เจ้าของอาคา รแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แล้ว แต่ความเดือดร้อนยังคงมีอยู่ จะถือว่าเจ้าหน้าที่ละเลยต่อหน้ าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏ ิบัติหรือไม่ ?
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อการก่อสร้างอาคารเก็บขยะมู ลฝอยติดกับบ้านพักอาศัยของผู้ฟ้ องคดีเป็นการก่อสร้างอาคารเก็บข ยะ
มูลฝอยโดยฝ่าฝืนข้อ 72 ของข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ.
2544 แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู ้ถูกฟ้ องคดีที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพร ะราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ไม่ดำเนินการตามมาตรา 40 และมาตรา 42 จึงถือว่าเป็นการละเลยต่อหน้าที ่ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติแ ล้ว และเมื่อสภาพดังกล่าวเป็นเหตุรำ คาญตามมาตรา 25 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้ องคดีในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามกฎหมายที่จะต้องใช้อำนาจตามม าตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญให้หมดส ิ้นไปภายในเวลาอันสมควร แม้จะได้มีการออกคำสั่งให้เจ้าข องอาคารแก้ไขเหตุรำคาญหลายครั้ง แล้วก็ตาม แต่เมื่อเหตุเดือดร้อนรำคาญยังป รากฏอยู่ จึงถือว่าผู้ถูกฟ้ องคดีมิได้ใช้อำนาจหน้าที่อย่าง เคร่งครัด จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่ ่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ตามพ ระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 283/2556)
เมื่อกฎหมายได้กำหนดอำนาจหน้าที ่ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นระงับเห ตุเดือดร้อนรำคาญ เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือเจ้าหน้ าที่ที่เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่ที ่จะต้องดำเนินการไปจนกว่าจะสามา รถระงับหรือป้องกันมิให้มีเหตุเ ดือดร้อนรำคาญเกิดขึ้นหรือดำรงอ ยู่ต่อไป เพราะการปล่อยปละละเลยไม่ดำเนิน การให้เหตุเดือดร้อนรำคาญหมดสิ้ นไป ในทางกฎหมายก็ถือว่าละเลยต่อหน้ าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ปฏิบัต ิครับ !
เครดิต : นายปกครอง , หนังสือพิมพ์บ้านเมือง คอลัมน์คดีปกครอง ฉบับวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2557
ในเรื่องนี้มีพระราชบัญญัติควบ
คดีนี้มีประเด็นสำคัญคือ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้เข้าไปตร
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อการก่อสร้างอาคารเก็บขยะมู
เมื่อกฎหมายได้กำหนดอำนาจหน้าที
เครดิต : นายปกครอง , หนังสือพิมพ์บ้านเมือง คอลัมน์คดีปกครอง ฉบับวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น