การใช้อำนาจของฝ่ายปกครองในประเ
นับตั้งแต่ประเทศไทยมีการจัดตั้
ดังเช่นคดีปกครองที่จะนำมาเล่าส ู่กันฟังฉบับนี้ เป็นคดีที่ศาลปกครองทำหน้าที่คุ ้มครองการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินให้เป็นไป อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎห มายกำหนด โดยการตรวจสอบการใช้อำนาจของ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการ มีคำสั่งระงับการจ่ายเงินบำนาญให้กับข้าราชการที่ลาออกจากราชก ารและเรียกคืนเงินบำนาญที่รับไป แล้ว เนื่องจากเห็นว่าในระหว่างที่รั บบำนาญ “ต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษา”
เรื่องราวของคดีนี้เกิดจากผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นข้าราชการบำน าญในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรุงเทพมหานคร) ได้ถูกดำเนินคดี อาญาฐานกระทำความผิดตามพระราชบั ญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากก ารใช้เช็ค พ.ศ. 2534 และศาลยุติธรรมได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลง โทษ แต่ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ถูกจำคุกตาม คำพิพากษา เนื่องจากไม่สามารถตามจับตัวมาร ับโทษได้จนล่วงเลยอายุความการลง โทษ โดยในระหว่างนั้นผู้ฟ้องคดียังคงรับเงินบำนาญและใช้สิทธิเบิกเงินต่างๆ จากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มาโดยตลอด ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ตรวจสอบและพบว่าผู้ฟ้องคดีถู กศาลพิพากษาถึงที่สุด จึงมีคำสั่งระงับการจ่ายเงินบำน าญและให้คืนเงินบำนาญและเงินอื่ นๆ ที่รับไป โดยไม่มีสิทธิตั้งแต่วันที่ศาลได้ม ีคำพิพากษาลงโทษถึงวันที่มีคำสั่งระงับการจ่ายเงินบำนาญ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าตนไม่เคยรับโท ษจำคุกจริงตามคำพิพากษา เพราะคดีขาดอายุความการลงโทษ และกรณีเป็นเช่นเดียวกับการรอการลงโทษหรือร อการกำหนดโทษที่ถือว่าไม่เคยได้ รับโทษ จึงอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองยืนยันค ำสั่งเดิม ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งเรียกคืนเงินบำนาญและเงินอื่นๆ และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จ่ายเงินบำนาญปกติให้แก่ตนนับตั้งแต่มีคำสั่งระงับการจ่าย ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้ารา ชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2500 มาตรา 51 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ผู้ใดรับบำนาญปกติหรือบำนาญตกท อดอยู่ ถ้า (1) กระทำความผิดถึงต้องโทษจำคุกโดย คำพิพากษาโทษจำคุก เว้นแต่ความผิดในลักษณะฐานลหุโท ษหรือความผิดอันได้กระทำโดยประม าท ผู้นั้นหมดสิทธิรับบำนาญปกติ หรือบำนาญตกทอดตั้งแต่วันมีคำพิ พากษาถึงที่สุด”และพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้ารา ชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2516 มาตรา 8 บัญญัติว่า “ให้นำกฎหมายว่าด้วยบ ำเหน็จบำนาญข้าราชการท้องถิ่นมา ใช้บังคับแก่ข้าราชการกรุงเทพมห านครโดยอนุโลม เว้นแต่พระราชบัญญัตินี้จะได้บั ญญัติไว้เป็นอย่างอื่น” การที่ผู ้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้รับบำนาญปกต ิได้กระทำความผิดอันมิใช่ในลักษ ณะฐานลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมา ท และศาลยุติธรรมได้มีคำพิพากษาถึ งที่สุดให้ลงโทษจำคุกแล้ว แต่ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ถูกจำคุกจริ ง ถือว่าหมดสิทธิรับบำนาญปกติตามบ ทบัญญัติดังกล่าวหรือไม่? ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า การต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาโทษจำคุกตามมาตรา51 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติข้างต้น หมายถึง การถูกศาลพิพากษาให้จำคุกในความ ผิดที่มิใช่การกระทำโดยประมาทหร ือความผิดลหุโทษ ซึ่งเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่ส ุด ให้จำคุกโดยไม่มีการรอการลงโทษ ผู้กระทำผิดจะถูกจำคุกในเรือนจำ การที่ผู้ฟ้องคดีถูกศาลพิพากษาใ ห้จำคุก แม้จะไม่ถูกจับกุมคุมขังตามคำพิ พากษาจนล่วงเลยอายุความการลงโทษ ก็ถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาโทษจำค ุกตามนัยมาตรา 51 วรรคหนึ่ง (1) ดังกล่าวแล้ว และถึงแม้ว่าผู้ฟ้องคดีจะได้รับ ประโยชน์จากการไม่ถูกจับกุมเพื่ อรับโทษตามคำพิพากษาได้อีก เพราะล่วงเลยกำหนดเวลาลงโทษไปแล ้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้โทษจำคุกดังกล่าวหมดสิ้ นไป เนื่องจากการล่วงเลยกำหนดเวลาลงโทษมีผลเพียงไม่อาจลงโทษผู้ฟ้องคดี ตามคำพิพากษาตามที่กำหนดไว้ในมา ตรา 98 แห่งประมวลกฎหมายอาญาได้อีกเท่า นั้น มิได้มีความหมายเช่นเดียวกับการ รอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษตาม ที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างแต่อย่าง ใด ผู้ฟ้องคดีจึงหมดสิทธิรับบำนาญป กติตั้งแต่วันที่ศาลยุติธรรมมีคำพิพากษา ดังนั้น คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ให้งดจ่ายเงินบำนาญปกติและให ้คืนเงินบำนาญ รวมทั้งเงินอื่นๆ ที่ได้รับไปหลังจากผู้ฟ้องคดีต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก จึงชอบด้วยกฎหมาย(คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.642/2555)
คดีนี้นอกจากจะทำให้หน่วยงานทาง ปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีค วามชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ การ “หมดสิทธิ”รับบำนาญของข้าราชการในกรณีที่ข ้าราชการดังกล่าว “ต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษา” แล้ว คำพิพากษานี้ยังเป็นการคุ้มครอง เงินของแผ่นดินที่จะให้มีการใช้ จ่ายอย่างถูกต้องตามกฎหมายอันเป ็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะด้วยคร ับ!
เครดิต : นายปกครอง , (หนังสือพิมพ์บ้านเมือง คอลัมน์คดีปกครอง ฉบับวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2556)
เรื่องราวของคดีนี้เกิดจากผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นข้าราชการบำน
คดีนี้นอกจากจะทำให้หน่วยงานทาง
เครดิต : นายปกครอง , (หนังสือพิมพ์บ้านเมือง คอลัมน์คดีปกครอง ฉบับวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2556)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น