แนวคิดทฤษฎีว่าด้วยความรับผิดทา
อาจกล่าวได้ว่าในโลกเราน
ระบบคอมมอนลอว์
ในระบบกฎหมายอังกฤษ แต่ เดิม วางหลักกฎหมายให้กษัตริย์หรือรั ฐไม่ต้องรับผิดตามหลัก “King can do no wrong” ดังนั้นหากองค์กรเจ้าหน้าที่ของ รัฐกระทำละเมิด กล่าวคือกระทำการใดๆโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อทำให้บุคคลอื ่นเสียหายโดยไม่มีอำนาจที่จะกระ ทำได้ตาม กฎหมายแล้ว ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นจะได้กระท ำในการปฏิบัติหน้าที่ในกิจการทา งราชการก็ตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้กระทำการนั ้นจะต้องรับผิดด้วยตนเองเป็นส่ว นตัว หลักการดังกล่าวได้ใช้มาจนมีการ ประกาศใช้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการดำเนินค ดีต่อราชบัลลังก์ (Crown proceeding Act)ปี ค.ศ. ๑๙๗๔๗ ซึ่งทำให้ราชบัลลังก์ (Crown) มีความรับผิดเหมือนบุคคลที่เป็น เอกชน เอกชนที่ได้รับความเสียหายจากกา รกระทำของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบั ติหน้าที่ สามารถฟ้องร้องให้ราชบัลลังก์ชด ใช้ค่าเสียหายได้ อย่างไรก็ตามราชบัลลังก์เพียงรั บผิดแทนเจ้าหน้าที่ไปก่อนเท่านั ้นเพราะเมื่อ ราชบัลลังก์ชดใช้ค่าเสียหายให้แ ก่ผู้ได้รับความเสียหายแล้วก็สา มารถไปไล่ เบี้ยเอากับเจ้าหน้าที่ได้ ดังนั้นความรับผิดของเจ้าหน้าที ่ของรัฐจึงไม่ต่างจากการที่ลูกจ ้างของนาย จ้างซึ่งเป็นเอกชนไปกระทำละเมิด ต่อบุคคลอื่นโดยพิจารณาว่ารัฐเป ็นเสมือนนาย จ้างและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเส มือนลูกจ้างที่เป็นเช่นนี้ก็เพร าะในระบบ กฎหมายอังกฤษไม่มีการแบ่งแยกกฎห มายมหาชนออกจากกฎหมายเอกชน
ระบบซีวิลลอว์
ในระบบซีวิลลอว์แยกกฎหมา ยมหาชนออกจากกฎหมายเอกชนอย่างเด ่นชัด ดังนั้น การพิจารณาการกระทำในการปฏิบัติ หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ย่อมไม่นำ เอาหลักเกณฑ์ ในกฎหมายแพ่งเรื่องการกระทำของล ูกจ้างในทางการที่จ้างมาใช้แต่อ ย่างใด แต่จะพัฒนาหลักเกณฑ์ในทางกฎหมาย มหาชนมาใช้โดยเฉพาะ ซึ่งปรากฏว่ามีหลักเกณฑ์ ได้แก่ เกณฑ์แห่งความประมาทเลินเล่ออย่ างร้ายแรง และเกณฑ์แห่งการมุ่งประสงค์ต่อผ ลโดยตั้งใจ
เกณฑ์แห่งความประมาทเลินเล่ออย่ างร้ายแรง เสนอโดย Jeze ซึ่งมีหลักว่า การพิจารณาว่าความรับผิดเป็นการ ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ของรัฐต้อ งพิจารณา จากระดับความรุนแรงของความผิด กล่าวคือ ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการด้ วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแ รงเจ้า หน้าที่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตั ว การกระทำดังกล่าวย่อมไม่ถือว่าเ ป็นการกระทำในการปฏิบัติหน้าที่
ประเทศเยอรมัน
เยอรมันเป็นประเทศที่มีระบบกฎหม ายปกครองแยกต่างหากจากหลักกฎหมา ยเอกชนกรณี นายจ้างลูกจ้าง เมื่อนายจ้างจ่ายค่าสินไหมทดแทน ให้ไปแล้ว ก็อาจฟ้องไล่เบี้ยเอาจากลูกจ้าง ได้ แต่หลักในกรณีส่วนราชการแต่เดิม มีกำหนดความรับผิดของเจ้าหน้าที ่ของรัฐไว้ โดยเฉพาะ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้กระทำหน ้าที่โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ จะต้องรับผิด ชอบเป็นส่วนตัวต่อผู้ได้รับความ เสียหาย
แต่หลักนี้ต่อมาถูกเปลี่ยนแปลงไ ปโดยกฎหมายปี ค.ศ.๑๙๑๐ โดยรัฐและองค์กรของรัฐจะเป็นผู้ รับผิดชอบในผลละเมิดที่เกิดต่อเ อกชนโดยตรง เป็นเบื้องต้น ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ ปี ค.ศ.๑๙๔๙ ก็กำหนดหลักเช่นเดียวกันโดยรัฐจ ะต้องรับผิดชอบการละเมิดทุกอย่า งที่กระทำโดย ผู้ซึ่งใช้อำนาจของรัฐ และรัฐจะเป็นผู้ฟ้องไล่เบี้ยเอา จากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ทำละเมิ ดในภายหลัง แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะถูกฟ้องไ ล่เบี้ยเฉพาะเมื่อตนกระทำการละเ มิดโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เท่านั้นทั้งนี้เพื่อสร้างความม ั่นใจให้แก่ เจ้าหน้าที่ของรัฐในการใช้อำนาจ ตามกฎหมายมหาชน เพื่อที่จะไม่ถูกฟ้องให้รับผิดใ นภายหลัง เช่นการออกคำสั่งใบอนุญาตตามที่ กฎหมายให้อำนาจไว้ ส่วนกรณีละเมิดโดยประมาทเพียงเล ็กน้อยจะไม่มีการฟ้องไล่เบี้ยจา กเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ดังนั้น ในระบบของเยอรมัน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ทำละเมิดจะ ไม่ถูกฟ้องโดยตรงในศาลสำหรับกรณ ีละเมิดโดยจง ใจหรือประมาทเลินเล่อ
ประเทศฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มี ระบบกฎหมายปกครองเกี่ยวกับเรื่อ งละเมิดแยก ต่างหากจากกรณีกฎหมายเอกชนและยอ มรับกันมานานแล้วว่ารัฐจะต้องรั บผิดชอบในการ กระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ สำหรับเรื่องละเมิดทางปกครองนั้ นได้วางหลักว่าจะต้องมีหลักเกณฑ ์เฉพาะเพื่อ ความเหมาะสมของระบบราชการและการ ประสานสิทธิประโยชน์ของรัฐและเอ กชน และจากที่พัฒนามาจนถึงปัจจุบันไ ด้มีการจำแนกความรับผิดออกเป็น ๓ ประเภท คือ
๑. เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐก ระทำละเมิดโดยวัตถุประสงค์ส่วนต ัว กรณีนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องรั บผิดชอบเองในการเยียวยาผู้เสียห าย รัฐจะไม่เข้าไปรับผิดชอบด้วย เช่น คดี Litzier (C.E. ๒๓ June ๑๙๕๔) เจ้าหน้าที่ศุลกากรใช้ปืนราชการ ไปทำละเมิดนอกเวลาปฏิบัติหน้าที ่่
๒. เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐก่ อให้เกิดความเสียหายแก่เอกชนในก ารปฏิบัติตาม หน้าที่ และไม่มีวัตถุประสงค์ไม่ชอบเป็น ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ของรัฐปะป นในการกระทำ เช่นนั้น ในกรณีนี้รัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบ ในความเสียหายโดยตรง เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับผิด ชอบและจะไม่ถูกฟ้องเป็นส่วนตัว
๓. เป็นกรณีการกระทำละเมิดที่มีคว ามรับผิดผสมกันทั้งความรับผิดขอ งรัฐและของ เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นส่วนตัว ขอบเขตความรับผิดในประเภทนี้ค่อ นข้างจะกว้างขวางโดยเป็นนโยบายท างกฎหมายที่ จะช่วยผู้เสียหายให้ได้รับการเย ียวยาเพราะอาจเป็นกรณีที่เจ้าหน ้าที่ของรัฐ ไม่มีเงินพอจะชดใช้ได้ดีพอก็ได้ และรัฐเองก็สมควรมีระบบในการบริ หารที่จะคอยควบคุมดูแลเจ้าหน้าท ี่ของรัฐให้ อยู่ในสภาพที่เหมาะสมด้วย ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจฟ้องเจ้า หน้าที่ของรัฐเป็นส่วนตัวหรือจะ ฟ้องร้องรัฐ โดยตรงก็ได้ ส่วนในระหว่างรัฐกับเจ้าหน้าที่ ของรัฐนั้นจะมีการฟ้องไล่เบี้ยก ันได้ตามความ รุนแรงแห่งการกระทำ
ในการฟ้องไล่เบี้ยจากเจ้ าหน้าที่ของรัฐในการละเมิดแบบผส มนี้ เห็นกันว่าหากให้เจ้าหน้าที่ของ รัฐรับผิดชอบเสมอไปแล้ว เจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่กล้าตัดส ินใจทำงานต่างๆ ได้เต็มที่ปกติรัฐจึงฟ้องไล่เบี้ยเฉพาะในกรณีที่มีการกระทำละเม ิดโดยจงใจ โดยเจตนาร้าย หรือโดยการประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรงเท่านั้น และกรณีเกี่ยวพันโดยใกล้ชิดกับห ลักการบริหารงานบุคคลประเด็นในท างวินัยอย่าง หนึ่ง ดังนั้น ในกรณีกระทำละเมิดร่วมกันหลายคน จึงไม่มีหลักต้องรับผิดอย่างลูก หนี้ร่วมต่อรัฐ แต่ศาลจะกำหนดค่าสินไหมทดแทนสำห รับผู้ร่วมกระทำผิดแต่ละคนเป็นร ายบุคคลตาม ความรุนแรงของความผิดแต่ละคน โดยคำนึงถึงตำแหน่งและหน้าที่ที ่รับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ละคน ด้วย
แนวคิดเกี่ยวกับความรับผิดทางละ เมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐในประเ ทศไทย
การนำหลักกฎหมายแพ่งที่ใช้บังคั บระหว่างเอกชนกับเอกชนที่กระทำล ะเมิดกันมา ใช้กับการกระทำละเมิดโดยเจ้าหน้ าที่ของรัฐโดยกำหนดให้เจ้าหน้าท ี่ของรัฐต้อง รับผิดในผลละเมิดเสมอไปนั้นได้ก ่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่เจ้ าหน้าที่ของ รัฐเพราะการงานที่ทำเป็นการกระท ำเพื่อประโยชน์ของรับ แต่ในระบบนั้นกลับให้เจ้าหน้าที ่ของรัฐต้องรับผิดเป็นส่วนตัวเส มอไป โดยรัฐไม่มีส่วนรับผิดใดๆ เลย เว้นแต่เป็นการรับผิดแทนไปก่อน แล้วไปไล่เบี้ยเอาจากเจ้าหน้าที ่ของรัฐในภายหลัง อันมีผลเสียต่อระบบการดำเนินงาน ของราชการอยู่มาก กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ที่สุจริตและมีความข ยันหมั่นเพียรก็ยังอาจตัดสินใจผ ิดโดยสุจริต หรือประมาทเลินเล่อเพียงเล็กน้อ ย ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลละเมิดและต้ องรับผิดโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้และ ความรับผิด ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลเสียหาย มากได้ง่ายตามขนาดการบริหารและค วามรับผิดชอบ ของรัฐ ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้าง ต้นที่ว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินกิจการต่างๆ ของหน่วยงานของรัฐนั้น มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์อันเป็ นการเฉพาะตัว การปล่อยให้ความรับผิดทางละเมิด ของเจ้าหน้าที่ในกรณีที่ปฏิบัติ งานใน หน้าที่ เป็นไปตามกฎหมายเอกชนตามประมวลก ฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงเป็นการไ ม่เหมาะสมก่อ ให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเจ้าหน้ าที่จะต้องรับผิดในการกระทำต่าง ๆ เป็นการเฉพาะตัวเสมอไป เมื่อการที่ทำไปทำให้หน่วยงานขอ งรัฐต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเพ ียงใด ก็จะมีการฟ้องไล่เบี้ยเอาจากเจ้ าหน้าที่เต็มจำนวนนั้น ทั้งที่บางกรณีเกิดขึ้นโดยความไ ม่ตั้งใจหรือความผิดพลาดเพียงเล ็กน้อยในการ ปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนั้น ยังมีการนำหลักเรื่องลูกหนี้ร่ว มในระบบกฎหมายแพ่งมาใช้บังคับ ให้เจ้าหน้าที่ต้องร่วมรับผิดใน การกระทำของเจ้าหน้าที่ผู้อื่นด ้วย ซึ่งระบบนั้นมุ่งหมายแต่จะให้ได ้เงินครบโดยไม่คำนึงถึงความเป็น ธรรมที่จะมี ต่อแต่ละคน กรณีเป็นการก่อให้เกิดความไม่เป ็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่และยังเป็น การบั่นทอน กำลังขวัญในการทำงานของเจ้าหน้า ที่ด้วย จนบางครั้งกลายเป็นปัญหาในการบร ิหาร เพราะเจ้าหน้าที่ไม่กล้าตัดสินใ จดำเนินงานเท่าที่ควรเพราะเกรงค วามรับผิดที่ จะเกิดแก่ตน ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้ว จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติควา มรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ หน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ ขึ้นใช้บังคับ โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องรับผ ิดทางละเมิดในการปฏิบัติงานในหน ้าที่เฉพาะ เมื่อเป็นการจงใจกระทำเพื่อการเ ฉพาะตัวหรือจงใจให้เกิดความเสีย หายหรือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่า นั้น และให้แบ่งแยกความรับผิดของแต่ล ะคน มิให้นำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมา ใช้บังคับ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเพิ ่มพูนประสิทธิภาพในการปฏิบัติงา นของรัฐ
ผู้ศึกษาเห็นว่าแนวความค ิดตามพระราชบัญญัติความรับผิดทา งละเมิดของ เจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ มีความแตกต่างจากแนวคิดของประเท ศเยอรมัน เนื่องจากประเทศเยอรมันกำหนดให้ รัฐจะต้องรับผิดชอบการละเมิดทุก อย่างที่ กระทำโดยผู้ซึ่งใช้อำนาจของรัฐ แต่ในส่วนความรับผิดทางละเมิดขอ งเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติดั งกล่าวมิได้ มุ่งประเด็นความรับผิดชอบการละเ มิดของผู้ใช้อำนาจของรัฐ แต่มุ่งเน้นในเรื่องการกระทำในก ารปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอาจมีการใช ้อำนาจของรัฐ หรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับหลักการค วามรับรับผิดทางละเมิดของประเทศ ฝรั่งเศส
คัดลอกจาก คุณ เบญจมาศ แก้วไวยุทธิ์ , http://www.pub-law.net/publaw/ view.aspx?id=1776
ในระบบกฎหมายอังกฤษ แต่ เดิม วางหลักกฎหมายให้กษัตริย์หรือรั
ระบบซีวิลลอว์
ในระบบซีวิลลอว์แยกกฎหมา
เกณฑ์แห่งความประมาทเลินเล่ออย่
ประเทศเยอรมัน
เยอรมันเป็นประเทศที่มีระบบกฎหม
แต่หลักนี้ต่อมาถูกเปลี่ยนแปลงไ
ประเทศฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มี
๑. เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐก
๒. เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐก่
๓. เป็นกรณีการกระทำละเมิดที่มีคว
ในการฟ้องไล่เบี้ยจากเจ้
แนวคิดเกี่ยวกับความรับผิดทางละ
การนำหลักกฎหมายแพ่งที่ใช้บังคั
ผู้ศึกษาเห็นว่าแนวความค
คัดลอกจาก คุณ เบญจมาศ แก้วไวยุทธิ์ , http://www.pub-law.net/publaw/