แม้การเลื่อนขั้นเงินเดือนให้กั
ข้อเท็จจริงในคดีนี้คือ ผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับการเลื่อนขั ้นเงินเดือนครั้งที่ ๑ ปีงบประมาณ ๒๕๔๗ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (ผู้อานวยการสานักการสาธารณสุขแ ละสิ่งแวดล้อม เทศบาล) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต้น ให้คะแนนผลการปฏิบัติงานของผู้ฟ ้องคดี ๑๑๖ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๒๐๐ คะแนน ซึ่งต่ากว่าร้อยละ ๖๐ โดยให้เหตุผลว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานเทศบาลสาม ัญ ตาแหน่งนักวิชาการสุขาภิบาล ๗ แต่ไม่มีผลงาน ไม่เอาใจใส่ในหน้าที่ ละทิ้งเวรยาม ไม่รักษาวินัยและประพฤติตนให้เห มาะสมกับตาแหน่ง ได้มีการเตือนหลายครั้งก็ไม่เป็ นผล และผู้บังคับบัญชาที่เหนือขึ้นไ ปตามลาดับต่างเห็นชอบร่วมกันว่า ผู้ฟ้องคดีไม่ควรได้รับการเลื่อ นขั้นเงิน เดือน
หลังจากร้องทุกข์แล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ปกครองขอให้มีคาพิพากษาหรือคำสั ่งยกเลิกคำสั่งไม่เลื่อนขั้นเงิ นเดือน โดยโต้แย้งว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ใช้มาตรฐานในการประเมินผู้ฟ้องค ดีแตกต่างจากพนักงานเทศบาลที่ทา งานในสังกัดหน่วยงานเดียวกัน เป็นการใช้ดุลพินิจไม่สุจริต เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมและไ ม่มีการแจ้งเหตุผลหรือให้โอกาสช ี้แจงหรือขอคาปรึกษาก่อนจะมีคาส ั่งไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนคดีนี ้มีประเด็นที่สาคัญ ๒ ประเด็น คือ
ประเด็นที่หนึ่ง การใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญช าที่จะพิจารณาผลการปฏิบัติงานขอ งผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับก ารให้คะแนนตามแบบประเมินประสิทธ ิภาพและประสิทธิผล การปฏิบัติงานของผู้ฟ้องคดีและข องข้าราชการรายอื่นมีความแตกต่า งกัน กล่าวคือ ข้าราชการรายอื่นไม่ได้ให้คะแนน แยกเป็นรายข้อตามรายการประเมินท ี่กาหนดไว้ในแบบประเมิน แต่ให้คะแนนผลการปฏิบัติงานโดยร วมในช่องสุดท้าย ของตารางว่าแต่ละคนได้คะแนนรวมด ้านผลงานเท่าใด และด้านคุณลักษณะงานเท่าใด ส่วนแบบประเมินของผู้ฟ้องคดีให้ คะแนนตามรายการที่กาหนดไว้ทุกรา ยการ และมีเพียงผู้ฟ้องคดีเท่านั้นที ่ไม่ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดื อน การใช้วิธีการประเมินที่ต่างกัน ดังกล่าวถือเป็นการเลือกปฏิบัติ หรือไม่ ?
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า วิธีการการประเมินผลการปฏิบัติง านของข้าราชการรายอื่น เป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม หลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมิ นผลการปฏิบัติงานที่จะต้องพิจาร ณาให้คะแนนในแต่ละรายการอย่างถู กต้องและเหมาะสมในแต่ละรายการขอ งผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละคน เพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาเกี ่ยวกับ การแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาผู้ใต้ บังคับบัญชา ส่วนการประเมินผลการปฏิบัติงานข องผู้ฟ้องคดีเป็นการประเมินผล การปฏิบัติงานที่ถูกต้องตามหลัก เกณฑ์และวิธีการที่กาหนดและเป็น ไปตามเจตนารมณ์ของการประเมินผล การปฏิบัติงานแล้ว
เมื่อเป็นดุลพินิจของผู้บังคับบ ัญชาที่จะพิจารณาผลการปฏิบัติงา นของผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นรายบุคคล ความแตกต่างในทางวิธีการมิได้ทำ ให้การประเมินผลการปฏิบัติงานเส ียไป ผู้ฟ้องคดีจึงมิอาจกล่าวอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ทำการประเมินผลการปฏิบัติงาน (ซึ่งปฏิบัติตนโดยถูกต้อง) ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป ็นธรรม เพราะเป็นส่วนของรูปแบบของการปร ะเมิน มิใช่ข้อเท็จจริงในส่วนของเนื้อ หาของการประเมิน และผลการประเมิน ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงของแต่ละ บุคคล หากผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ได้ปฏิบัติงานจนมีผลการปฏิบัติง านเช่นเดียวกับบุคคลอื่น ที่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ก็เป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีต้องแสด งให้ปรากฏชัดแจ้งว่ามีผลการปฏิบ ัติงานที่จะได้รับการประเมินเช่ นเดียวกันหรือแตกต่างกับข้าราชก ารรายอื่นอย่างไร เมื่อพิจารณาเหตุผลของผู้บังคับ บัญชาที่ประเมินผลการปฏิบัติงาน ของผู้ฟ้องคดีตามแบบประเมิน และผู้ฟ้องคดีไม่ได้แสดงพยานหลั กฐานสนับสนุนข้อกล่าวอ้างของตนใ นชั้นร้องทุกข์ จึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า ผู้ฟ้องคดีไม่มีผลงานหรือผลการป ฏิบัติงานที่มีคุณภาพและปริมาณง านที่มีประสิทธิภาพ ไม่รักษาวินัยของการเป็นข้าราชก าร ย่อมแสดงถึงการไม่มีความสามารถแ ละความอุตสาหะในการปฏิบัติงานให ้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการและกา รจัดทำบริการสาธารณะแก่ประชาชน ผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานระดับ ๗ ก็สมควรปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างแก ่พนักงานระดับรองลงมา อันเป็นคุณลักษณะที่สาคัญของผู้ ปฏิบัติงานที่สมควรจะได้รับการเ ลื่อนขั้นเงินเดือนประจาปี เพื่อเป็นการตอบแทน การปฏิบัติงานและสร้างขวัญกำลัง ใจแก่ผู้ปฏิบัติงานให้แก่ทางราช การ
ประเด็นที่สอง การที่ผู้บังคับบัญชาไม่เลื่อนข ั้นเงินเดือนและไม่แจ้งให้ผู้ฟ้ องคดีทราบพร้อมด้วยเหตุผลและเปิ ดโอกาสให้ชี้แจงให้ความเห็นหรือ ขอคำปรึกษาก่อนมีคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน จะทาให้เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบหรือ ไม่
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อไม่ได้ดำเนินการ จึงถือว่ามิได้ปฏิบัติให้เป็นไป ตามขั้นตอนที่กฎหมายกาหนดให้ต้อ งปฏิบัติ แต่เมื่อในชั้นพิจารณาคำร้องทุก ข์ ผู้ถูกฟ้องคดีได้ให้โอกาสผู้ฟ้อ งคดีส่งเอกสารหลักฐานผลงานและนั ดหมายให้เข้าปรึกษาหารือหรือแก้ ไขความคับข้องใจแล้ว แต่ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ปฏิบัติตามแ ละเข้าพบตามวันที่นัดหมาย กรณีจึงถือว่าได้จัดให้มีการรับ ฟังผู้ฟ้องคดีก่อนสิ้นกระบวนการ พิจารณาคาร้องทุกข์ อันถือว่าเป็นการดำเนินการแก้ไข ข้อบกพร่องตามมาตรา ๔๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติรา ชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ คำสั่งไม่เลื่อนขั้นเงินเดือน จึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมา ย
คดีนี้นอกจากจะทำให้ผู้ศึกษาได้ รู้และเข้าใจการนำบทบัญญัติมาตร า ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติรา ชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาใช้แล้ว ยังได้รู้ถึงเจตนารมณ์ของการที่ คณะรัฐมนตรีมีมติให้ ส่วนราชการนำหลักเกณฑ์และวิธีกา รปฏิบัติในระบบเปิดมาใช้ในการพิ จารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราช การ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๐ เป็นต้นไป โดยให้ผู้บังคับบัญชาเปิดโอกาสใ ห้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่ได้รั บการเลื่อนขั้นเงินเดือน ได้ทราบผลการประเมิน เหตุผลของการประเมินและเปิดโอกา สให้ผู้ใต้บังคับบัญชาชี้แจงให้ ความเห็นหรือคำปรึกษาก่อนมีคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน โดยศาลปกครองสูงสุดอธิบายว่า เป็นวิธีการเพื่อให้ผู้รับการปร ะเมินมีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงใ นกรณีที่การประเมินของผู้บังคับ บัญชาไม่ถูกต้องตรงตามข้อเท็จจร ิง และการเปิดโอกาสเป็นการมุ่งเน้น ให้ผู้รับการประเมินได้รับทราบผ ลการประเมินผลการปฏิบัติงานในกร ณีที่อยู่ในหลักเกณฑ์ต้องปรับปร ุง เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ผู้บัง คับบัญชาผู้ประเมินใช้ดุลพินิจไ ปโดยไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรมก ่อนการมีคำสั่งที่จะมีผลกระทบต่ อสิทธิของผู้รับการประเมิน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดใ ห้ต้องปฏิบัติ
คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดและศาลปกค รองชั้นต้นมีความเห็นแตกต่างกัน ทั้งสองประเด็น ส่วนจะแตกต่างกันอย่างไร ? และมีเหตุผลในคาพิพากษาเป็นอย่า งไร ? ศึกษารายละเอียดได้ในคำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุด ที่ อ. ๓๗๖/๒๕๕๕
เครดิต :นางสาวเบญญาภา ไชยคามี พนักงานคดีปกครองชานาญการ, กลุ่มเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการแล ะวารสาร , สานักวิจัยและวิชาการ สานักงานศาลปกครอง , คอลัมน์ระเบียบกฎหมาย วารสารกานันผู้ใหญ่บ้าน ฉบับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖
หลังจากร้องทุกข์แล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล
ประเด็นที่หนึ่ง การใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญช
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า วิธีการการประเมินผลการปฏิบัติง
เมื่อเป็นดุลพินิจของผู้บังคับบ
ประเด็นที่สอง การที่ผู้บังคับบัญชาไม่เลื่อนข
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อไม่ได้ดำเนินการ จึงถือว่ามิได้ปฏิบัติให้เป็นไป
คดีนี้นอกจากจะทำให้ผู้ศึกษาได้
คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดและศาลปกค
เครดิต :นางสาวเบญญาภา ไชยคามี พนักงานคดีปกครองชานาญการ, กลุ่มเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการแล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น