28 มิ.ย. 2562

คณะกรรมการประเมินมีมติให้แก้ผลงาน...หลายครั้ง ! เกินจาเป็นหรือไม่ ?

การประเมินผลงานเพื่อเลื่อนขึ้นดำรงตาแหน่งที่สูงขึ้น เป็นวิธีการหนึ่งในการบริหารงานบุคคลภาครัฐที่ส่วนราชการต่าง ๆ ได้นำมาใช้เพื่อคัดเลือกข้าราชการที่มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ ที่เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งการมีมติให้ผลงานผ่านการประเมินหรือไม่ หรือสมควรให้ข้าราชการ ผู้ขอรับการประเมินปรับปรุงแก้ไขผลงานใหม่ให้สมบูรณ์อย่างไร ?
ถือเป็นอำนาจหน้าที่และเป็น “ดุลพินิจ” ของคณะกรรมการประเมินที่หน่วยงานของรัฐได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ดังกล่าว แต่การใช้อำนาจจะต้องไม่เป็นไปตามอำเภอใจ ต้องอยู่ภายใต้ หลักความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำทางปกครองที่ศาลปกครองมีอำนาจตรวจสอบได้ ดังเช่น...คดีปกครองที่จะนามาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้
คณะกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการ ได้ตรวจประเมินผลงานทางวิชาการของ ผู้ขอรับการประเมินและมีมติให้ผู้ขอรับการประเมินปรับปรุงแก้ไขผลงานทางวิชาการสองครั้ง โดยแต่ละครั้ง มีข้อสังเกตให้ปรับปรุงแก้ไขผลงานในประเด็นที่แตกต่างกัน แต่ในที่สุดก็มีมติไม่ผ่านผลงานทางวิชาการของผู้ขอรับการประเมิน
กรณีดังกล่าวมีปัญหาที่น่าสนใจ คือ คณะกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการมีอำนาจกระทำได้หรือไม่ เพียงใด และศาลปกครองมีอำนาจตรวจสอบเนื้อหาสาระของผลงานทางวิชาการ แทนคณะกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการหรือไม่
มูลเหตุของคดีนี้เกิดจาก ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นขอรับการประเมินผลงานทางวิชาการ เพื่อเลื่อน วิทยฐานะเป็นครูชำนาญการพิเศษ คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัด เดิม) (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจและประเมินรายงานผลการปฏิบัติงานและผลงานทางวิชาการ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) จำนวน 9 คน โดยมีกรรมการจำนวน 3 คน เป็นผู้ตรวจผลงานทางวิชาการของผู้ฟ้องคดี
หลังจากนั้น คณะกรรมการตรวจและประเมินฯ ได้ประชุมพิจารณาผลงานทางวิชาการของผู้ฟ้องคดีครั้งที่ 1 และมีมติไม่ให้ผ่านเกณฑ์ โดยผู้ตรวจผลงานทางวิชาการจานวน 2 คน มีความเห็นให้ผ่าน และอีก 1 คน ไม่ให้ผ่าน โดยให้ปรับปรุงแก้ไขผลงานทางวิชาการตามข้อสังเกตให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
ผู้ฟ้องคดีได้ปรับปรุงแก้ไขผลงานตามข้อสังเกตและเสนอผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามเวลาที่กาหนด
ต่อมา คณะกรรมการตรวจและประเมินฯ ได้ประชุมพิจารณาผลงานทางวิชาการของผู้ฟ้องคดีครั้งที่ 2 และมีมติไม่ให้ผ่านเกณฑ์ โดยผู้ตรวจผลงานทางวิชาการจานวน 2 คน มีความเห็นให้ผ่าน และ อีก 1 คน (คนเดิม) ไม่ให้ผ่าน โดยมีข้อสังเกตให้ปรับปรุงผลงานทางวิชาการเพิ่มเติมจากข้อสังเกตที่ได้ตรวจประเมินครั้งที่ 1 และให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 (ศึกษาธิการจังหวัด (ผู้อำนวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เดิม)) ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีปรับปรุงผลงาน เมื่อปรับปรุงผลงานตามข้อสังเกตแล้วจึงได้เสนอคณะกรรมการตรวจและประเมินฯ
แต่ต่อมาคณะกรรมการตรวจและประเมินฯ ได้มีมติไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีผ่านการประเมิน ผลงานและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ
ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า การไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีผ่านการประเมินและไม่อนุมัติให้เลื่อนเป็น วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้ ผู้ฟ้องคดีมีคำขอหลายประการและศาลปกครองชั้นต้นไม่รับคำฟ้องของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 1 (คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และไม่รับคำขอหลายประการ โดยศาลปกครองสูงสุดยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นดังกล่าว
ประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยในคดีนี้ คือ มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ไม่อนุมัติให้ ผู้ฟ้องคดีเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูชานาญการพิเศษชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีอำนาจให้ผู้รับการตรวจและประเมินปรับปรุงแก้ไขผลงานทางวิชาการโดยเป็นดุลพินิจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ประเมิน ผลงานทางวิชาการโดยทำการตรวจประเมินครั้งที่ 1 และมีมติให้ปรับปรุงแก้ไขผลงานทางวิชาการใหม่ ตามข้อสังเกต โดยผู้ฟ้องคดีได้ปรับปรุงแก้ไขผลงานแล้วเสร็จ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีมติให้ปรับปรุงผลงานทางวิชาการใหม่ครั้งที่ 2 ตามข้อสังเกตเพิ่มเติม
แม้การประเมินผลงานเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และศาลไม่อาจก้าวล่วง ดุลพินิจโดยแท้ในทางวิชาการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้ แต่ในขั้นตอนของการตรวจและประเมินผลงานดังกล่าว หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้อ่านผลงานของผู้ฟ้องคดีแล้วเห็นว่าต้องปรับปรุงแก้ไขผลงานในส่วนใด ควรแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบตั้งแต่การแจ้งให้ปรับปรุงแก้ไขในครั้งที่ 1 เพื่อให้ผู้ฟ้องคดีสามารถดำเนินการ ตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อผู้ฟ้องคดีได้ปรับปรุงแก้ไขและเสนอผลงานที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ก็ควรพิจารณาว่าผลงานที่เสนอดังกล่าวได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตหรือไม่
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีมติให้ผู้ฟ้องคดีปรับปรุงผลงานทางวิชาการใหม่ในครั้งที่ 2 ในเรื่องอื่นอีกที่แตกต่างจากเรื่องเดิมทั้งที่ได้พิจารณาเรื่องนั้นเสร็จแล้ว จึงเป็นการกระทำที่มีลักษณะ เป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 นาผลการประเมินของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มาพิจารณาประกอบการวินิจฉัยมีมติไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเลื่อนเป็นวิทยฐานะครูชานาญการพิเศษ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
พิพากษาให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในส่วนที่ไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเลื่อนเป็น วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษโดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่มีมติ โดยมีข้อสังเกตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ดำเนินการประเมินผลงานทางวิชาการของผู้ฟ้องคดีใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 982/2559)
คดีนี้ถือเป็นบรรทัดฐานการปฏิบัติราชการที่ดีให้กับคณะกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการว่าจะต้องไม่กระทำการในลักษณะที่เป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็นแก่ผู้เสนอผลงานเพื่อขอรับการประเมิน หากคณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบและประเมินผลงานทางวิชาการแล้วเห็นว่ามีเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือประเด็นใดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขก็สมควรที่จะมีมติให้ปรับปรุงแก้ไขในประเด็นต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ในคราวเดียว และหากผู้ขอรับการประเมินได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตนั้นแล้ว การตรวจสอบในครั้งถัดไปจะต้องตรวจสอบในประเด็นตามที่เคยได้ให้ข้อสังเกตไว้ นอกจากนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้วางหลักการสาคัญของการตรวจสอบการใช้อานาจดุลพินิจของคณะกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการว่าถือเป็นดุลพินิจโดยแท้ในทางวิชาการที่ศาลปกครองไม่อาจก้าวล่วงการใช้ดุลพินิจ โดยเข้าไปตรวจสอบเนื้อหาสาระของผลงาน ทางวิชาการของผู้ขอรับการประเมินว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ควรผ่านการประเมินผลงานหรือไม่ แต่อย่างใด...แต่มีอำนาจตรวจสอบการใช้ดุลพินิจว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และหากการใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลปกครองจะเพิกถอนการกระทาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น !!
Credit : นางสาวนิตา บุณยรัตน์ พนักงานคดีปกครองชานาญการ ,กลุ่มเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการและวารสาร ,สานักงานศาลปกครอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ... จ่ายตามฐานะไม่ได้ !

คดีปกครองที่นำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยพิบัติจากฝนตกหนักและลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเ...