1 ก.ค. 2562

ไม่พอใจคำสั่งฟ้องเพิกถอน (ไม่)ได้ ถ้าอยู่ระหว่างการอุทธรณ์

คดีปกครองที่จะนํามาเล่าสู่กันฟังฉบับนี้ เป็นกรณีที่หน่วยงานของรัฐมีคําสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เจ้าหน้าที่ดังกล่าวจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง แต่ขณะยื่นฟ้องน้ั้น ยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ในฝ่ายปกครอง       ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (นายกเทศมนตรี) ได้มีคำสั่งแต่งต้ั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็็จจริงความรับผิดทางละเมิด กรณีมีการเบิกจ่ายเงินค่าจัดเลี้ยงอาหารอาหารว่างและเครื่องดื่ม ตลอดจนค่าเลี้ยงรับรองบุคคลต่าง ๆ ขององค์การบริิหารส่วนตำบลโดยไม่ถูกต้องตามระเบีียบ ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งที่ 562/2556 ลงวันที่ี่ 28 พฤศจิกายน 2556 เรียกให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้ฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือลงวันที่ 24 ธันวาคม 2556 อุทธรณ์คำสั่งต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ซ่ึ่งเป็นผู้ทำคำสั่ง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (เทศบาลตำบล) โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ร้ับหนังสืออุทธรณ์วันที่ 25 ธันวาคม 2556 และนำคดีีมาฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสํั่งให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพิกถอนกระบวนการสอบสวน และเพิกถอนคำสั่งที่ 562/2556 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 
     คดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อเพิกถอนคําสั่งทางปกครองว่า อาจมีได้ 2 กรณีคือ 
     กรณีที่หนึ่ง กรณีที่มีการวินิจฉัยสั่งการเกี่ยวกับอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีแล้ว จะฟ้องคดีได้ก็ต่อเมื่อได้ร้ับแจ้งผลการวินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว และ
     กรณีที่สอง กรณีที่มิได้มีการวินิจฉัยสั่งการเกี่ยวกับอุทธรณ์ภายในระยะเวลาสําหรับการพิจารณาอุทธรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด จะฟ้องคดีได้อย่างเร็วที่สุดก็ต่อเมื่อล่วงพ้นกำหนดเวลาหกสิบวันนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำคําสั่งทางปกครองได้ร้ับอุทธรณ์ 
     ทั้งน้ี้ ในประเด็นเรื่องระยะเวลาการฟ้องคดีนี้ ที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเคยมีมติ ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 240/2558 วินิจฉัยว่า กรณีที่ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มิได้มีการวินิจฉัยสั่งการเกี่ยวกับอุทธรณ์ภายในระยะเวลา ต้องถือว่าวันที่ครบ 60 วัน เป็นวันที่ผู้อุทธรณ์ได้ดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหาย ครบตามขั้นตอนหรือวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว และสามารถใช้สิทธิฟ้องคดีได้น้บแต่วันที่ 61 อันถือว่าเป็นวันที่ผู้ฟ้องคดีรู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี กล่าวคือเริ่มนับวันที่ 61 เป็นวันแรกที่สามารถใชสิทธิฟ้องคดีปกครองได้ ตามมาตรา 49 ประกอบมาตรา 42 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธิีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 
     คดีมีประเด็นที่น่าสนใจคือ ศาลปกครองมีอำนาจรับคําฟ้องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีมีสีิทธิฟ้องคดีนีี้แล้วหรือไม่ 
     ศาลปกครองสูงสุดวินิิจฉัยว่า เมื่อผู้ฟ้องคดีได้ร้ับทราบคำสั่งที่ 562/2556 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2556 และต่อมา ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือลงวันที่ 24 ธันวาคม 2556 อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าว ซ่ึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไดร้ับอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2556 ดังนั้น การที่ผู้ฟ้องคดีนำคดีมาฟ้องต่อศาล เมื่อวันที่ 19 กุมภาพนธ์ 2557 จึงเป็นการยื่นฟ้องคดีในขณะที่ยังไม่ล่วงพ้นกำหนดระยะเวลาหกสิบวันสำหรับการพิจารณาอุทธรณ์ตามที่กฎหมายกำหนด ซ่ึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการฟ้องคดีปกครองที่กำหนดไว้ในมาตรา 42 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธิีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ศาลย่อมไม่อาจรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณาได้ 
      ส่วนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องเป็นเพียงขั้นตอนการเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ภายในฝ่ายปกครองเพื่อนาไปสู่การจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง ไม่ใช่การกระทำทางปกครองที่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิของผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด ผู้ฟ้องคดีจึงมิใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลตามมาตรา 42 วรรคหน่ึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธิีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 (คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 177/2558)  
      จากคำพิพากษาดังกล่าว นับเป็นอุทาหรณ์ที่ดีสําหรับการใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองว่า ผู้รับคำสั่งไม่ใช่ผู้มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เนื่องจากเป็นเพียงขั้นตอนภายในของฝ่ายปกครองที่ยังไม่มีผลกระทบต่อผู้ได้ร้ับคำสั่ง ผู้รับคำสั่งจึงไม่ใช่ผู้มีสิทธิฟ้องคดี ขณะเดียวกันกรณีฟ้องขอให้เพิกถอนคําสั่งทางปกครองดังเช่น คาสั่งเรียกให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น จะต้องมีการอุทธรณ์คำสั่งต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำคําสั่งทางปกครอง และจะต้องรอให้มีการวินิจฉัยอุทธรณ์หรือรอให้พ้นกำหนดระยะเวลา 60 วัน นับแต่วันที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำคําสั่งทางปกครองได้รับคำอุุทธรณ์จึงจะนําคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองได้  ซ่ึ่งทั้งสองกรณีเป็นเงื่อนไขแห่งการฟ้องคดีที่สำคัญ และหากไม่ดำเนินการ ศาลปกครองย่อมจะมีอานาจที่จะรับคำฟ้องไว้พิจารณาพิพากษาครับ ! 
เครดิต : นายปกครอง   (หนังสือพิมพ์บ้านเมืองคอลัมน์คดีปกครอง ฉบับวันเสาร์ที่ 9กรกฎาคม 2559) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ... จ่ายตามฐานะไม่ได้ !

คดีปกครองที่นำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยพิบัติจากฝนตกหนักและลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเ...