23 เม.ย. 2560

เมื่อผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้าง

                ในกรณีที่ส่วนราชการได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่ส่งมอบสิ่งของให้ถูกต้องตามสัญญาซื้อขายหรือไม่ทำงานจ้างให้แล้วเสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาจ้างหรือทิ้งงานขายหรืองานจ้างไป ส่วนราชการควรปฏิบัติอย่างไร
               ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ข้อ134 วรรคท้ายกำหนดว่า “เมื่อครบกำหนดส่งมอบพัสดุตามสัญญาหรือข้อตกลง ให้ส่วนราชการรีบแจ้งการเรียกค่าปรับตามสัญญาหรือข้อตกลงจากคู่สัญญา และเมื่อคู่สัญญาได้ส่งมอบพัสดุให้ส่วนราชการบอกสงวนสิทธิการเรียกค่าปรับในขณะที่รับมอบพัสดุนั้นด้วย”
ระเบียบดังกล่าวกำหนดขั้นตอนที่ส่วนราชการต้องปฏิบัติไว้ 2 ขั้นตอน ดังนี้
               1.การเรียกค่าปรับเมื่อครบกำหนดส่งมอบพัสดุตามสัญญาหรือข้อตกลง ให้ส่วนราชการรีบแจ้งการเรียกค่าปรับตามสัญญาหรือข้อตกลง เนื่องจากสัญญาซื้อขายและสัญญาจ้างได้กำหนดข้อสัญญาไว้ว่า ผู้ขายหรือผู้รับจ้างต้องส่งมอบสิ่งของภายในวันที่ เดือน ปี ที่กำหนด มิฉะนั้นต้องรับผิดชำระเงินค่าปรับเป็นรายวันในอัตราที่กำหนดไว้ในข้อสัญญา ดังนั้น เมื่อพ้นกำหนดเวลาส่งมอบสิ่งของตามสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้างแล้ว หากผู้ขายหรือผู้รับจ้างยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา ส่วนราชการมีสิทธิได้รับค่าปรับเป็นรายวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างได้ส่งมอบครบถ้วนถูกต้องตามสัญญา   อย่างไรก็ตามสัญญาดังกล่าวกำหนดไว้ว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบแล้ว แต่ผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้างยังไม่บอกเลิกสัญญา ผู้ขายหรือผู้รับจ้างต้องรับผิดชำระเงินค่าปรับเป็นรายวันจนถึงวันที่ได้ส่งมอบพัสดุหรืองานจ้างตามสัญญาครบถ้วนถูกต้อง ซึ่งหมายถึงทางราชการผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้างยังไม่ประสงค์จะบอกเลิกสัญญาด้วย
               เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของหรืองานจ้างตามสัญญาแล้ว ส่วนราชการจึงต้องมีหนังสือบอกกล่าวให้ผู้ขายหรือผู้รับจ้างส่งมอบสิ่งของตามสัญญาหรือทำงานจ้างให้ครบถ้วนถูกต้องตามข้อสัญญาพร้อมทั้งแจ้งบอกกล่าวให้ผู้ขายหรือผู้รับจ้างนำเงินค่าปรับตามอัตราที่กำหนดในข้อสัญญาเป็นรายวันมาชำระโดยนับตั้งแต่วันถัดจากวันครบก าหนดส่งมอบตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างได้ส่งมอบสิ่งของหรืองานจ้างครบถ้วนถูกต้องโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ
                2. การสงวนสิทธิการเรียกค่าปรับขณะที่รับมอบพัสดุ เมื่อคู่สัญญาได้ส่งมอบพัสดุหรืองานจ้างให้ส่วนราชการบอกสงวนสิทธิการเรียกค่าปรับในขณะรับมอบพัสดุหรืองานจ้างนั้นด้วย หมายถึง
กรณีที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างได้ส่งมอบงานจ้างหรือสิ่งของล่าช้ากว่ากำหนดตามสัญญา ส่วนราชการมีสิทธิได้รับเงินค่าปรับกรณีส่งมอบล่าช้าเป็นรายวัน เนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 381 วรรคท้ายบัญญัติว่า ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว  จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้นในเวลารับชำระหนี้ ดังนั้นกรณีที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างได้ส่งมอบสิ่งของหรืองานจ้างล่าช้ากว่ากำหนดตามข้อสัญญา หากคณะกรรมการตรวจรับพัสดุหรือคณะกรรมการตรวจการจ้างทำการตรวจรับตามปกติ   มิได้แจ้งสงวนสิทธิไว้ขณะทำการตรวจรับและผู้ขายหรือผู้รับจ้างได้รับเงินตามสัญญาไปแล้ว ผู้ขายหรือผู้รับจ้างมีสิทธิยกขึ้นปฏิเสธไม่ยอมรับผิดเรื่องค่าปรับกรณีส่งมอบล่าช้าได้การแจ้งสงวนสิทธิ
จึงจำเป็นต้องทำขณะตรวจรับพัสดุโดยหมายเหตุไว้ในเอกสาร  การตรวจรับว่า “ขอสงวนสิทธิการเรียกค่าปรับกรณีผู้ขาย(หรือผู้รับจ้าง)ส่งมอบงานล่าช้าตามข้อสัญญาเป็นรายวันในอัตราวันละ.............บาท นับแต่วัน .......เดือน..............พ.ศ.........ซึ่งเป็นวันถัดจากวันครบกำหนดส่งมอบตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขาย(หรือผู้รับจ้าง)ปฏิบัติตามสัญญาจ้างครบถ้วนถูกต้องรวมเวลา.......วัน ให้ฝ่ายผู้ขายหรือผู้รับจ้างลงลายมือชื่อรับทราบไว้เป็นหลักฐาน
                กรณีตัวอย่างหนังสือที่ได้ทำขึ้นก่อนครบส่งมอบสิ่งของถึง 86 วัน มีฐานะเป็นการแจ้งว่าจะใช้สิทธิปรับมิใช่สงวนสิทธิ์การเรียกค่าปรับในขณะส่งมอบสิ่งของ(ข้อหารือตามคำวินิจฉัยสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 23/2534) ดังนั้นการสงวนสิทธิ์ปรับต้องทำขณะส่งมอบและตรวจรับพัสดุ
                3.กรณีที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้าง ซึ่งตามพฤติการณ์เห็นได้ว่า ผู้ขายหรือผู้รับจ้างไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ส่วนราชการต้องมีหนังสือบอกกล่าวให้ผู้ขายหรือผู้รับจ้างปฏิบัติตามสัญญาและชำระค่าปรับภายในกำหนดระยะเวลาอันสมควรนับแต่วันได้รับหนังสือบอกกล่าว หากผู้ขายหรือผู้รับจ้างยังคงเพิกเฉยไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาให้ดำเนินการเพื่อบอกเลิกสัญญาต่อไปโดยไม่จำต้องรอให้ครบกำหนดส่งมอบสิ่งของหรืองานจ้างตามสัญญาก่อน
                 4.การบอกกล่าวให้ผู้ขายหรือผู้รับจ้างปฏิบัติตามสัญญาและชำระค่าปรับให้ส่งทางจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับหลักฐานการตอบรับดังกล่าวเป็นหลักฐานสำคัญเพื่อดำเนินการบอกเลิกสัญญาต่อไป
                5. โดยที่ข้อสัญญาซื้อขายและสัญญาจ้างกำหนดให้เรียกค่าปรับก่อนบอกเลิกสัญญา หากไม่เรียกค่าปรับก่อนบอกเลิกสัญญาจะฟ้องเรียกค่าปรับจากผู้จ่ายหรือผู้รับจ้างในภายหลัง
ไม่ได้
Cr. : นายอธิวัฒน์ โยอาศรี , คลังความรู้ด้านการพัสดุ (http://cletter.athiwat.com)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ... จ่ายตามฐานะไม่ได้ !

คดีปกครองที่นำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยพิบัติจากฝนตกหนักและลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเ...