หลักประกันซอง คือ
หลักประกันที่ผู้มีสิทธิเสนอราคาได้ยื่นต่อส่วนราชการเพื่อเป็นหลักประกันใน
การเสนอราคา
อันเป็นเงื่อนไขและเป็นเอกสารแนบท้ายประกาศประกวดราคาเพื่อจัดหาพัสดุ
ทั้งด้วยวิธีการปกติและวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งผู้มีสิทธิเสนอราคาจะต้องวางหลักประกันซอง เช่น เงินสด เช็คธนาคาร
หรือหนังสือค้าประกันของธนาคาร เป็นต้น
ไปพร้อมกับการยื่นซองข้อเสนอด้านเทคนิคและเมื่อผ่านข้อเสนอทางด้านเทคนิค
แล้วจะต้องเข้าเสนอราคา การวางหลักประกันซองจึงเป็นกระบวนการ
ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อนาไปสู่การทาสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง
โดยมีเงื่อนไขว่า
หากผู้เข้าประกวดราคาถอนการเสนองานหรือไม่ไปเสนอราคากับทางราชการภายในกาหนด
ทางราชการจะยึดหลักประกันซอง
อันเป็นมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการสมยอมกันในการเสนอราคาหรือกระทาการใดๆ
ที่เป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมกรณีการประกวดราคา
ซื้อหรือจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หากผู้มีสิทธิเสนอราคาไม่ส่งผู้
แทนมาลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่กระบวนการเสนอราคาตามวัน เวลา
และสถานที่ที่กาหนด หรือ ผู้มีสิทธิเสนอราคามาลงทะเบียนแล้ว ไม่ LOG IN
เข้าสู่ระบบ หรือผู้มีสิทธิเสนอราคา LOG IN แล้ว
แต่ไม่มีการเสนอราคาหรือเสนอราคาผิดเงื่อนไขที่กาหนด
หรือผู้มีสิทธิเสนอราคาไม่ลงลายมือชื่อในแบบยืนยันราคาสุดท้าย
หน่วยงานผู้ประกวดราคาสามารถยึด (ริบ)
หลักประกันซองของผู้มีสิทธิเสนอราคาได้
เว้นแต่เป็นเหตุสุดวิสัยตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘
ซึ่งผู้มีสิทธิเสนอราคาสามารถยกขึ้นกล่าวอ้างเพื่อไม่ให้หน่วยงานที่จะจัดหา
พัสดุยึดหลักประกันซอง
คดีที่จะนามาเล่าสู่กันฟังฉบับนี้เป็นกรณีที่ผู้แทนของผู้ฟ้องคดีไม่สามารถ
เดินทางไปลงทะเบียนได้ทันตามวัน เวลา
และสถานที่ตามที่กาหนดไว้เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุ
แต่หน่วยงานผู้ประกวดราคาได้ยึดหลักประกันซอง
จึงนาคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองเนื่องจากเห็นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็น
“เหตุสุดวิสัย” โดยมีข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกฟ้องคดี (กรมชลประทาน)
ได้ประกวดราคาจ้างโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์งานจ้างก่อสร้างกิจกรรมขุดลอก
ลาห้วย ๒ โครงการ
ผู้ฟ้องคดีได้รับการคัดเลือกให้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นเป็นผู้มีสิทธิเสนอ
ราคางานก่อสร้างตามประกาศประกวดราคาดังกล่าว
พร้อมทั้งได้วางหลักประกันซองเป็นหนังสือ ค้าประกันของธนาคารกรุงไทย
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๗๔,๑๐๐ บาท
ซึ่งประกาศดังกล่าวได้กาหนดให้มีการลงทะเบียนเสนอราคาในวันที่ ๔ กรกฎาคม
๒๕๔๙ ระหว่างเวลา ๘.๓๐ ถึง ๙.๐๐ น. ณ สานักงานบริการโทรคมนาคม
จังหวัดสกลนคร และในวันเดียวกันนั้น นางสาว บ.
ซึ่งเป็นผู้เข้าทาการเสนอราคาแทนผู้ฟ้องคดีได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลโดย
มีนาย ช. เป็นพนักงานขับรถ
แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายรถได้เกิดอุบัติเหตุทาให้เดินทางไปถึงสถานที่ลง
ทะเบียนเมื่อเวลา ๙.๑๕ น. คณะกรรมการดาเนินการประกวดราคา
จึงได้ประกาศให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้หมดสิทธิในการเสนอราคาและยึดหลักประกันซอง
ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการไปลงทะเบียนไม่ทันเกิดจากเหตุสุดวิสัย
และไม่ทาให้การประกวดราคาดังกล่าวเกิดความเสียหาย
จึงขอให้ศาลออกคาบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีคืนหลักประกันซองทั้งหมดให้แก่ผู้
ฟ้องคดี
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่
และศาลปกครองมีดุลพินิจในการ ลดเบี้ยปรับได้ตามมาตรา ๓๘๓ วรรคหนึ่ง
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ เพียงใด
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ข้อ ๒.๑
ของหนังสือแสดงเงื่อนไขการซื้อและการจ้าง
โดยการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้
สิทธิยึดหลักประกันซองกาหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีสามารถยึดหลักประกันซองได้
หากผู้ฟ้องคดีหรือผู้แทนของผู้ฟ้องคดีไม่มาเสนอราคา ณ วัน เวลา
และสถานที่ที่กาหนด เมื่อนางสาว บ. เดินทางไปถึงสถานที่ลงทะเบียนในเวลา
๙.๑๕ น. อันเป็นการล่วงพ้นเวลาที่กาหนดให้ลงทะเบียน
จึงเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีผิดเงื่อนไขตามสัญญาหลักประกันซอง
และกรณีนี้เมื่อนางสาว บ. ได้ออกเดินทางจากบ้านในเวลา ๓.๐๐ น.
โดยในระหว่างการเดินทางมีฝนตกและได้ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อเวลา ๖.๒๐ น.
จึงต้องหยุดการเดินทางชั่วคราวเพื่อจัดการคดีและเฝ้าทรัพย์สินจนกระทั่งเจ้า
หน้าที่ตารวจเดินทางมาถึงเมื่อเวลา ๗.๕๐ น.
แต่หลังจากเสร็จภารกิจด้านคดีแล้ว
ได้ว่าจ้างรถยนต์ออกจากสถานที่เกิดเหตุเพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่เสนอราคา
โดยเดินทางไปถึงในเวลา ๙.๑๕ น.
อันแสดงให้เห็นว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วก็สามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมาย
ปลายทางเพื่อดาเนินการเสนอราคาได้โดยใช้ระยะเวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง ๒๕ นาที
ดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุเวลา ๖.๒๐ น. หากนางสาว บ.
ให้ความสาคัญในเรื่องที่จะต้องไปดาเนินการลงทะเบียนเสนอราคาให้ทันภายในเวลา
ที่กาหนด
ย่อมมีเวลาเหลือมากพอแต่กลับรอพบเจ้าหน้าที่ตารวจและอ้างว่าต้องอยู่รักษารถ
ยนต์ ทั้งๆ ที่สมควรให้นาย ช.
พนักงานขับรถซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรงและมีหน้าที่ในการรักษารถคันดังกล่าวเป็น
ผู้เฝ้าทรัพย์สินและคอยพบเจ้าหน้าที่ตารวจเพื่อจัดการคดีไปพลางก่อน นางสาว
บ. ก็จะเดินทางถึงที่หมายได้ทันเวลาเพราะเหลือระยะทางเพียง ๘๐ กิโลเมตร
เท่านั้น
จึงเป็นการตัดสินใจที่ไม่เหมาะสมถือไม่ได้ว่ามีเหตุสุดวิสัยที่ทาให้
ไม่อาจเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางได้ทันเวลา
ประกอบกับเมื่อพิจารณารายงานประจาวันเกี่ยวกับคดีระบุว่า
อุบัติเหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนาย ช. ที่ไม่ใช้ความระมัดระวัง
กรณีจึงฟังได้ว่าเหตุดังกล่าวไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
แต่เป็นเหตุที่เกิดจากความประมาทเลินเล่อของคนขับรถยนต์ของผู้ฟ้องคดีเอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จภารกิจด้านคดีแล้วได้เดินทางไปถึงจุดหมายในเวลา
๙.๑๕ น. และล่วงเลยเวลาไปเพียง ๑๕ นาที
ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าผู้ฟ้องคดีมีความตั้งใจที่เข้าเสนอราคาแต่ไม่สามารถไป
ลงทะเบียนได้ทันเนื่องจากรถยนต์ประสบอุบัติเหตุดังกล่าว
จึงไม่ใช่กรณีที่ผู้ฟ้องคดีมีความจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
เพื่อสมยอมในการเสนอราคาหรือมีลักษณะเป็นการขัดขวางมิให้การเสนอราคาเป็นไป
ด้วยความเรียบร้อยและไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีได้รับความเสียหายแต่อย่าง
ใด
โดยที่สัญญาหลักประกันซองเป็นข้อผูกพันที่ผู้ฟ้องคดีตกลงให้ผู้ถูกฟ้องคดี
ยึดหลักประกัน ที่วางไว้ได้เมื่อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
จึงมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับตามมาตรา ๓๗๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ถ้าเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วนศาลจะลดลงเป็นจานวนพอสมควรก็ได้
โดยพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สิน เมื่อได้ใช้เงินตาม
เบี้ยปรับแล้วสิทธิเรียกร้องขอลดก็เป็นอันขาดไปตามมาตรา ๓๘๓
แห่งประมวลเดียวกัน
เมื่อการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นไปด้วย
ความเรียบร้อยและไม่ปรากฏว่า การที่ผู้ฟ้องคดี
ไปลงทะเบียนไม่ทันตามกาหนดเวลาก่อให้เกิดความเสียหายในเชิงทรัพย์สิน
หรือมีผลกระทบทาให้มาตรการเพื่อป้องกันการสมยอมในการเสนอราคาตลอดจนการ
ป้องกันการกระทาการใดๆ
อันมีลักษณะเป็นการขัดขวางมิให้การเสนอราคาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่บรรลุ
ผลแต่อย่างใด การที่ผู้ถูกฟ้องคดีใช้สิทธิ
ริบหลักประกันซองทั้งหมดจึงสูงเกินส่วน
สมควรลดเบี้ยปรับที่จะริบลงกึ่งหนึ่งโดยให้คืนหลักประกันซองให้แก่ผู้ฟ้อง
คดีเป็นเงินจานวน ๒๘๗,๐๕๐บาท จากที่ยึดไว้จานวน ๕๗๔,๑๐๐ บาท (คำพิพำกษำ
ศำลปกครองสูงสุดที่ อ. ๒๐๕/๒๕๕๕)
จากคาพิพากษาดังกล่าวศาลปกครองสูงสุดมีหลักการสาคัญเกี่ยวกับการยึดหลัก
ประกันซองกรณีผู้มีสิทธิเสนอราคาไม่เข้าเสนอราคาตามขั้นตอนการจัดซื้อจัด
จ้างด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้
๑.
การที่ผู้มีสิทธิเสนอราคาได้วางหลักประกันซองต่อหน่วยงานผู้ประกวดราคาถือ
ได้ว่า
ผู้มีสิทธิเสนอราคาได้แสดงเจตนาสนองรับคาเสนอของหน่วยงานผู้ประกวดราคาและ
ก่อให้เกิดสัญญาประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนสัญญาจ้าง เรียกว่า
สัญญาหลักประกันซอง
๒.
กรณีที่ผู้มีสิทธิเสนอราคาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการประกวดราคา
โดยไม่มาลงทะเบียนเข้าสู่กระบวนการเสนอราคาตามวันและเวลาที่กาหนด
หน่วยงานผู้ประกวดราคามีอานาจ ยึดหลักประกันที่วางไว้ได้
และหลักประกันซองถือเป็นเบี้ยปรับตามมาตรา ๓๗๙ แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์
ซึ่งศาลมีอานาจลดจานวนเบี้ยปรับได้ตามที่เห็นสมควรหากเห็นว่าเบี้ยปรับที่
ริบนั้นสูงเกินส่วน
ซึ่งในการพิจารณาลดจานวนเบี้ยปรับนั้นนอกจากจะพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของ
เจ้าหนี้ในเชิงทรัพย์สินแล้วยังต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อมาตรการที่กาหนดให้
ผู้มีสิทธิเสนอราคาต้องวางหลักประกันซองด้วย
ซึ่งคดีนี้ศาลพิเคราะห์ทั้งในด้านความเสียหายของหน่วยงานผู้ประกวดราคาและใน
ด้านการแสดงเจตนาของ ผู้มีสิทธิเสนอราคาประกอบกัน
๓. “เหตุสุดวิสัย”
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมายความว่า เหตุใดๆ
อันจะเกิดขึ้นก็ดีจะมีผลพิบัติก็ดีเป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้
แม้ทั้งบุคคลผู้ประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตาม
สมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเช่นนั้น
กรณีการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางไปเข้าร่วมกระบวนการเสนอราคา
โดยผู้มีสิทธิเสนอราคายังมีวิธีการจัดการเพื่อให้สามารถเข้าร่วมเสนอราคาได้
ทันตามกาหนดเวลา
และการเกิดอุบัติเหตุเป็นผลมาจากความประมาทเลินเล่อของฝ่ายผู้มีสิทธิเสนอ
ราคาเอง
ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่ผู้มีสิทธิเสนอราคาจะได้รับการยกเว้น
การยึดหลักประกันซองแต่อย่างใด
ที่มา
นางสาวสุนันทา ศรีเพ็ง เจ้าหน้าที่ศาลปกครองชานาญการ
กลุ่มเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการและวารสาร
สานักวิจัยและวิชาการ สานักงานศาลปกครอง
http://www.admincourt.go.th/00_web/09_academic/document/05_case/14-22-56.pdf
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๑ ได้คุ้มครอง ส่งเสริม ขยายสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ลดการผูกขาดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน ให้การเมืองมีความโปร่งใส มีคุณธรรม และจริยธรรม มีองค์กรตรวจสอบมีความอิสระ เข้มแข็ง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารและพนักงานส่วนท้องถิ่นเกี่ยวข้องกับอำนาจ หน้าที่ สิทธิขั้นพื้นฐานของบุคล การใช้อำนาจต้องมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ ต้องเป็นไปตามรูปแบบขั้นตอนวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นสำคัญ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ... จ่ายตามฐานะไม่ได้ !
คดีปกครองที่นำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยพิบัติจากฝนตกหนักและลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเ...
-
คดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช . ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า การกระทำของผู้ฟ้องคดีเป็นความผิดวินัยอย่างร...
-
คดีปกครองที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้เป็นเรื่องของข้าราชการครูที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือน เนื่องจากประธา...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น