5 ก.ค. 2559

ติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของเทศบาล ... การกระทำอันเสื่อมเสียที่จะถูกถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่งหรือไม่ ?

         
             พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๑๘ บัญญัติว่า “สมาชิกสภาเทศบาลย่อมเป็นผู้แทนของปวงชนในเขตเทศบาลนั้น และต้องปฏิบัติหน้าที่ตามความเห็นของตนโดยบริสุทธ์ิใจ ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายใด ๆ” มาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๗) กำหนดให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาเทศบาลสิ้นสุดลง เมื่อสภาเทศบาลมีมติให้พ้นจากตำแหน่งโดยเห็นว่ามีความประพฤติในทางที่จะนำมา ซึ่งความเสื่อมเสีย หรือก่อความไม่สงบเรียบร้อยแก่เทศบาล หรือกระทำการอันเสื่อมเสียประโยชน์ของสภาเทศบาล และมาตรา ๕๐ วรรคสอง กำหนดให้การปฏิบัติงานของเทศบาลต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนโดยใช้ วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และให้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนา การจัดทำงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจสอบการประเมินผลการปฏิบัติงาน และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร 

               จากบทบัญญัติข้างต้นอาจทำให้หลายท่านเกิดข้อสงสัยว่า หากสมาชิกสภาเทศบาลคนใดคนหนึ่งใช้อำนาจหน้าที่ในการติดตามและตรวจสอบการ ปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลและสภาเทศบาลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างที่ดินและนำ เรื่องการบริหารงานภายในไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ กรณีดังกล่าวจะถือว่าสมาชิกสภาเทศบาลผู้นี้มีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่ง ความเสื่อมเสียแก่เทศบาล อันจะเป็นเหตุให้ต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๗) แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ หรือไม่ ? 

               คดีปกครองที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในคอลัมน์ระเบียบกฎหมายฉบับนี้ถือเป็นกรณี ที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำวินิจฉัยเพื่อคุ้มครองสถานภาพของสมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งถูกถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่ง อันเนื่องมาจากการใช้สิทธิติดตามและร้องขอให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ ของเทศบาลซึ่งส่อไปในทางทุจริต โดยผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลได้ทำหนังสือในนามกลุ่มแนวร่วมประชาชน ต่อต้านการทุจริตเพื่อร้องเรียนต่อนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดว่าสมาชิก สภาเทศบาลจำนวน ๑๑ คน รวมนายกเทศมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการจัดหา/จัดซื้อที่ดิน เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงาน เนื่องจากนายกเทศมนตรีได้แต่งตั้งสมาชิกสภาเทศบาลจำนวน ๑๑ คน ให้ร่วมเป็นคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดหา/จัดซื้อที่ดินโดยวางแผนกำหนด คุณลักษณะของที่ดินที่จะซื้อไว้ล่วงหน้า ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และขั้นตอนการจัดหาที่ดินของกฎกระทรวงมหาดไทย เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลบางกลุ่ม และสมาชิกจำนวนนี้ต้องพิจารณาอนุมัติงบประมาณด้วย นอกจากนี้ ผู้ฟ้องคดียังได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดโดยขอให้แต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวน นายกเทศมนตรีและเลขานุการกรณีไม่นำรายได้ของการประปาเข้าเป็นรายได้ของ เทศบาล ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้นำเรื่องร้องเรียนไปพูดในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งได้ทำหนังสือแถลงข่าวสื่อมวลชนต่อมา สมาชิกสภาเทศบาลจำนวน ๑๐ คน (จากทั้งหมด ๑๒ คน) ได้ร่วมกันทำหนังสือถึงประธานสภาเทศบาลเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายและลงมติ ถอดถอนสมาชิกภาพของผู้ฟ้องคดี เนื่องจากผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องเรียนต่อนายอำเภอและผู้ว่าราชการ จังหวัดเพื่อกล่าวหาสมาชิกสภาเทศบาลจำนวน ๑๑ คนว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการจัดหา/จัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารสำนัก งานโดยปราศจากมูลความจริง อภิปรายเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือเรื่องที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และนำกิจการภายในของเทศบาลไปเผยแพร่ต่อสาธารณะโดยคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ซึ่งที่ประชุมสภาเทศบาลมีมติให้ผู้ฟ้ องคดีออกจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียง ๑๑ คะแนน ทำให้สมาชิกภาพสมาชิกสภาเทศบาลของผู้ฟ้องคดีสิ้นสุดลงทันทีตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๗) แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ 

               ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าตนมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของสภาเทศบาลและสามารถ แสดงความคิดเห็นโดยบริสุทธ์ิใจตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติข้างต้น และการเสนอญัตติอภิปรายและถอดถอนตนไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ และตนมิได้มีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหา มติของผู้ถูกฟ้องคดี (สภาเทศบาลตำบล) จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ตนต้องขาดจากสมาชิกภาพและเสื่อมเสียชื่อเสียง ผู้ฟ้องคดีจึงฟ้ องต่อศาลปกครองขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้ องคดีที่ให้ตนพ้นจากสมาชิกภาพสมาชิกสภาเทศบาล 

               คดีนี้มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ ๒ ประเด็น กล่าวคือ ประเด็นแรก ผู้ฟ้องคดีจะต้องอุทธรณ์โต้แย้งมติของผู้ถูกฟ้ องคดีก่อนนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทาง ปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม่ ? 

               ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๗) แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ที่มีผลกระทบต่อสิทธิในการดำรงตำแหน่งของผู้ฟ้องคดีให้ต้องสิ้นสุดลงจึงเป็น คำสั่งทางปกครองตามนัยข้อ (๑) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และโดยที่พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์ไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องนำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ อันเป็นกฎหมายกลางมาใช้บังคับ เมื่อผู้ถูกฟ้ องคดีเป็ นองค์กรกลุ่มอันมีลักษณะเช่นเดียวกับคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมาย ซึ่งตามมาตรา ๔๘ และมาตรา ๘๗ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้คำสั่งทางปกครองของคณะกรรมการต่าง ๆ นั้น สามารถยื่นฟ้ องต่อศาลปกครองได้โดยไม่ต้องอุทธรณ์ต่อองค์กรใดก่อนแต่ประการใด คำสั่งทางปกครองที่ออกโดยผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่จำต้องอุทธรณ์ก่อนนำคดีมายื่น ฟ้ องต่อศาลปกครอง 

               ประเด็นที่สอง การกระทำของผู้ฟ้องคดีเข้าเหตุที่จะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๗) แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ หรือไม่ ? 

               ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีมีฐานะเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นและเป็นประชาชนในท้องถิ่น จึงย่อมมีสิทธิติดตามและร้องขอให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงาน ของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเป็นสิทธิที่ได้รับการรับรองไว้โดยรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖๒ วรรคสองที่กำหนดให้ความคุ้มครองแก่บุคคลซึ่งให้ข้อมูลโดยสุจริตแก่องค์กร ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การที่ผู้ฟ้องคดีได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลเทศบาลให้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยถูก ต้องตามกฎหมาย จึงถือเป็นการกระทำตามสิทธิของตนส่วนการนำเรื่องร้องเรียนไปพูดตามสถานที่ ต่าง ๆ และทำหนังสือแถลงต่อสื่อมวลชนก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลแก่สาธารณชนเพื่อเร่ง รัดให้มีการตรวจสอบตามที่ร้องเรียน หากการดำเนินการจัดหา/จัดซื้อที่ดินเป็นไปอย่างถูกต้องก็ไม่มีเหตุผลที่ต้อง หวั่นเกรงการตรวจสอบ และข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเป็นประการใดเทศบาลก็สามารถชี้แจงแก้ข้อร้องเรียน ต่อสาธารณชนได้โดยตรง ประกอบกับผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้แสดงพยานหลักฐานให้เชื่อว่าได้รับความเสื่อม เสียอย่างไร จึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีได้ใช้สิทธิติดตามตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาล และผู้ถูกฟ้ องคดีตามกฎหมาย และไม่อาจถือว่าผู้ฟ้ องคดีมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย หรือกระทำการอันเสื่อมเสียประโยชน์ของสภาท้องถิ่น หรือก่อความไม่สงบเรียบร้อยแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนเป็ นสมาชิกอยู่ตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๗) แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้ องคดีนำข้อกล่าวหากรณีนี้มาเป็นเหตุเพื่อลงมติให้ผู้ฟ้ องคดีพ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาเทศบาล จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายพิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้ องคดี (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๙๗๔/๒๕๕๖) 

               คดีนี้นอกจากศาลปกครองสูงสุดจะได้อธิบายหลักกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับ “มติของสภาเทศบาล” ว่าเป็น “คำสั่งทางปกครอง” และหากจะฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้อง ดำเนินการอุทธรณ์ก่อนฟ้องคดี เนื่องจาก “สภาเทศบาล” เป็นองค์กรกลุ่มที่มีสถานะเช่นเดียวกับคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย แล้ว ยังมีบรรทัดฐานการปฏิบัติราชการที่ดีในเรื่องที่เกี่ยวกับการบริหารงานของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า สมาชิกสภาท้องถิ่นมีสิทธิในการติดตาม ร้องขอให้มีการตรวจสอบ และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้โดย ถือเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖๒ วรรคสอง รับรองและคุ้มครองไว้ และเมื่อสมาชิกสภาเทศบาลได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการติดตามและตรวจสอบการดำเนิน งานของเทศบาลและสภาเทศบาลที่ส่อไปในทางทุจริตแล้ว กรณีไม่อาจถือว่าสมาชิกสภาเทศบาลผู้นั้น มีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย หรือเป็นการกระทำอันเสื่อมเสียประโยชน์ของสภาท้องถิ่น หรือเป็นการก่อความไม่สงบเรียบร้อยแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ อันจะเข้าเหตุที่จะถูกถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่งตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง (๗) แห่งพระราชบัญญัติข้างต้น 

               เครดิต : นางสาวจารุณี กิจตระกูล พนักงานคดีปกครองชำนาญการ ,กลุ่มเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการและวารสาร, สำนักวิจัยและวิชาการ สำนักงานศาลปกครอง , คอลัมน์ระเบียบกฎหมาย วารสารกำนันผู้ใหญ่บ้าน ฉบับเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ (กำนันผู้ใหญ่บ้าน) ติดตามตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลฯ (จารุณี) / D:นุช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ... จ่ายตามฐานะไม่ได้ !

คดีปกครองที่นำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยพิบัติจากฝนตกหนักและลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเ...