คดีปกครองที่นำมาเล่าสู่กันฟังฉบับนี้
ถือเป็นตัวอย่างและบรรทัดฐานการปฏิบัติราชการที่ดีเกี่ยวกับการจัดให้มี
เหตุผลในคำสั่งทางปกครอง ซึ่งตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
กำหนดหลักการสำคัญไว้ว่า “คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือ
และการยืนยันคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วย
และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อเท็จจริงอันเป็นสารระสำคัญ
ข้อกฎหมายที่อ้างอิง และข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ”
และมาตรา 41 (2) กำหนดว่า คำสั่งทางปกครองที่ออกโดยไม่ได้ระบุเหตุผล
ไม่เป็นเหตุให้คำสั่งทางปกครองนั้นไม่สมบูรณ์ หากจัดให้มีเหตุผลในภายหลัง
เหตุแห่งการฟ้องคดีนี้
เกิดจากอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในคณะบริหารธุรกิจ
ภาควิชาการเงิน(ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นขออนุมัติใช้งบพัฒนาอาจารย์
เพื่อเข้ารับการอบรม
เพื่อเป็นค่าลงทะเบียนในการเข้ารับการอบรมหลักสูตรกฎหมายปกครองเกี่ยวกับการ
บริหารงานบุคคล ความรับผิดทางละเมิดและเกี่ยวกับการพัสดุ
โดยขอยืมเงินทดรองจ่าย จำนวนเงิน 3,800 บาท แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
(คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) มีคำสั่งไม่อนุมัติตามที่ขอ
ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า คำสั่งไม่อนุมัติดังกล่าว
ไม่ได้ระบุเหตุผลไว้ในคำสั่ง
ทั้งเหตุผลที่เป็นข้อกฎหมายที่อ้างอิงและข้อพิจารณาในการใช้ดุลพินิจตาม
มาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
จึงอุทธรณ์คำสั่ง และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
ได้พิจารณาและมีความเห็นระบุไว้ในหนังสืออุทธรณ์ว่า
“เนื่องจากยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าภาควิชา จึงยืนยันตามเดิม”
ผู้ฟ้องคดีจึงฟ้องต่อศาลปกครอง
ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องทั้งสองที่ไม่
อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีเข้ารับการฝึกอบรม และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
(มหาวิทยาลัย)จ่ายค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1
คำสั่งไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้องคดีใช้งบพัฒนาอาจารย์
เพื่อเข้ารับการอบรม เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?
โดยประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่องคำสั่งทางปกครองที่ต้องระบุเหตุผลไว้ในคำสั่งหรือในเอกสารแนบท้ายคำ
สั่ง ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2543 กำหนดว่า “คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือ และการยืนยันคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือในกรณีดังต่อไปนี้ เป็นคำสั่งทางปกครองที่ต้องระบุเหตุผลไว้ในคำสั่งหรือเอกสารแนบท้ายคำสั่ง(1) คำสั่งปฏิเสธการก่อตั้งสิทธิของคู่กรณี เช่น การไม่รับคำขอ ไม่อนุญาต ไม่อนุมัติ ไม่รับรอง ไม่รับอุทธรณ์ หรือไม่รับจดทะเบียน”
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า
คำสั่งไม่อนุมัติให้ใช้งบดังกล่าว เป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5
แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
และเป็นคำสั่งปฏิเสธการก่อตั้งสิทธิของผู้ฟ้องคดีที่กฎหมายบังคับให้ต้อง
ระบุเหตุผลไว้ในคำสั่งตาม (1) ของประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงไม่อาจจัดให้มีเหตุผลในภายหลังได้
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจารณาอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งยืนตามคำสั่งเดิม
โดยเห็นว่า
เนื่องจากหนังสือของผู้ฟ้องคดียังไม่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าภาควิชาการ
เงินนั้น
ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการให้เหตุผลประกอบคำสั่งทางปกครองที่ได้กระทำขึ้นใน
ภายหลังตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง (2)
แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
ดังนั้น คำสั่งที่ไม่อนุมัติให้ใช้งบพัฒนาอาจารย์
จึงเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากเป็นการออกคำสั่งที่ไม่
ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอนและวิธีการอันเป็
นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น
และผู้ฟ้องคดีไม่ได้สอนวิชาทางการเงิน
หรือวิชาเกี่ยวกับกฎหมายความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ที่ประสงค์จะเข้า
อบรม ดังนั้น คำสั่งไม่อนุมัติให้ผู้ฟ้ องคดีใช้งบพัฒนาอาจารย์
จึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายและกระทบสิทธิของผู้ฟ้ องคดี
ไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้ องคดี (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
47/2558)
คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดได้วางหลักการสำคัญเกี่ยวกับการจัดให้มีเหตุผลในคำ
สั่งทางปกครองว่า เป็นรูปแบบ
ขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับการออกคำสั่งทาง
ปกครองที่เป็นหนังสือ รวมถึงการยืนยันคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือ
ซึ่งหากเป็นคำสั่งทางปกครองที่มีลักษณะตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ข้างต้น
ฝ่ายปกครองย่อมมีหน้าที่ต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ในคำสั่ง
จะจัดให้มีเหตุผลในภายหลังไม่ได้ แต่หากเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 37
วรรคหนึ่ง และไม่ได้จัดให้มีเหตุผลในขณะที่ออกคำสั่งทางปกครอง
ฝ่ายปกครองสามารถจัดให้มีเหตุผลในภายหลังได้
แต่ต้องก่อนสิ้นสุดกระบวนการพิจารณาอุทธรณ์หรือก่อนมีการนำคำสั่งทางปกครอง
ไปสู่การพิจารณาของผู้มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยความถูกต้องของคำสั่ง
(ศาลปกครอง) และหากฝ่ายปกครองไม่จัดให้มีเหตุผลตามรูปแบบ
ขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กฎหมายกำหนดไว้เลย
ย่อมถือเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ครับ !
เครดิต : นายปกครอง ,หนังสือพิมพ์บ้านเมือง คอลัมน์คดีปกครอง
ฉบับวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2558
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น