4 ก.ค. 2559

“เจ้าหน้าที่การเงิน” มีส่วนให้เกิดการทุจริต ... ต้องรับผิดทุกคน !

                     
             ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการเกี่ยวกับการเงิน การคลัง การงบประมาณและการบัญชีของ ส่วนราชการ ไม่ว่าจะเป็นเงินงบประมาณหรือเงินนอกงบประมาณ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะต้องถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่กําหนดในเรื่องนั้นอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินราชการเกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดอาศัยโอกาส หรือช่องทางกระทําการทุจริต เบียดบังหรือยักยอกเงินของทางราชการ ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวหรือผู้หนึ่งผู้ใดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

                      โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนําเงินส่งคลัง ระเบียบสําคัญที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการเงิน การบัญชี และการคลังต้องทําความเข้าใจและถือปฏิบัติ เช่น ระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งตามข้อ ๕๔ ของระเบียบดังกล่าวกําหนดให้เงินที่ขอเบิกจากคลังเพื่อการใดให้นําไปจ่ายได้เฉพาะเพื่อการนั้น และข้อ ๓๘ ประกอบข้อ ๓๘ ทวิ (๑) ของระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนําเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ ซึ่งปัจจุบันคือ ข้อ ๔๗ ประกอบ ข้อ ๔๘ (๑) ของระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนําเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้กําหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการจ่ายเงินในทํานองเดียวกันว่า การจ่ายเงินให้จ่ายเป็นเช็ค และในกรณีซื้อทรัพย์สินให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามของเจ้าหนี้ ขีดฆ่าคําว่า “หรือผู้ถือ” ออก และขีดคร่อมด้วย นอกจากนี้ ยังมีบทบัญญัติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอีกด้วย

                      คดีปกครองที่นํามาฝากกันในฉบับนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับความรับผิดของเจ้าหน้าที่ และพฤติการณ์ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการเงิน การคลัง การงบประมาณ และการบัญชีที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทั้งผู้อํานวยการกองคลัง ผู้มีอํานาจลงลายมือชื่อในเช็ค เจ้าหน้าที่ผู้ทําหน้าที่เขียนเช็ค เจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจอนุมัติ เจ้าหน้าที่ที่ทําหน้าที่รายงานงบเดือนต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับหน่วยงานของรัฐที่ได้รับความเสียหาย แต่หน่วยงานของรัฐกลับมีคําสั่งให้เฉพาะเจ้าหน้าที่บางคนเท่านั้นที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

                      ข้อเท็จจริงในคดีนี้เกิดขึ้นจากการที่นางสาวพร ตําแหน่งหัวหน้างานบริหารและธุรการทั่วไป สังกัดกองห้องสมุด และได้รับมอบหมายให้จัดซื้อหนังสือและวารสารต่างประเทศเข้าห้องสมุดอีกหน้าที่หนึ่ง ยักยอกเงินราชการไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ประกอบด้วย เงินงบประมาณแผ่นดิน จํานวน ๒,๘๓๗,๕๘๑.๓๕ บาท และเงินนอกงบประมาณ (เงินรายได้ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (มหาวิทยาลัย)) จํานวน ๗๕๙,๗๙๓ บาท โดยมีเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอันเป็นเหตุให้นางสาวพรกระทําการทุจริต ดังนี้

                      กรณีเงินงบประมาณ นางสาวพรได้จัดซื้อหนังสือและวารสาร โดยมีผู้ฟ้องคดีซึ่งขณะนั้นดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการกองคลัง กับเจ้าหน้าที่อีกสองคน คือ นายเนียร และนางบุษ ได้ร่วมกันลงลายมือชื่อ อนุมัติจ่ายเช็คระบุชื่อนางสาวพร โดยไม่ออกเช็คสั่งจ่ายในนามของเจ้าหนี้

                      กรณีเงินนอกงบประมาณ ผู้ฟ้องคดีได้เสนอความเห็น และนายพีได้อนุมัติให้นางสาวพรยืมเงินรายได้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ได้รายงานให้ทราบว่า มีเงินคงค้างและเกินกําหนดระยะเวลาการส่งหลักฐานใบสําคัญคู่จ่าย

                      โดยมีนายสมเป็นผู้ลงนามอนุมัติให้นางสาวพรจัดซื้อวารสารและหนังสือโดยวิธีตกลงราคา ครั้งหนึ่งเกินกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท

                      และนายเชียรซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยผู้อํานวยการกองคลัง และเป็นหัวหน้างานงบประมาณและการเงิน มีหน้าที่ควบคุมการเบิกจ่ายงบประมาณ ได้ดําเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ และสั่งให้นางสาวดา พนักงานการเงินและบัญชี ผู้ใต้บังคับบัญชาออกเช็คสั่งจ่ายระบุชื่อ นางสาวพร โดยมิได้ให้จัดทําสัญญายืมเงิน

                      นอกจากนี้ ยังมีนายจรูญซึ่งเป็นพนักงานธุรการ ทําหน้าที่ช่วยด้านการเงินและบัญชี ได้จัดทํารายงานงบเดือนโดยรู้ว่าใบสําคัญคู่จ่ายไม่ครบถ้วน แต่ได้จัดทํารายงานอันเป็นเท็จว่ามีหลักฐานครบถ้วน จากพฤติการณ์ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่

                      ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (อธิการบดีมหาวิทยาลัย) ได้ออกคําสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลังให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดร้อยละ ๒๐ ของเงินงบประมาณที่ได้รับความเสียหาย คิดเป็นเงิน ๕๖๗,๕๑๖.๒๗ บาท และให้นายเชียรรับผิดร้อยละ ๓๐ ของเงินงบประมาณที่ได้รับความเสียหาย ส่วนเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ มิได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย สําหรับเงินนอกงบประมาณได้ให้นางสาวพรจัดทําสัญญายืมเงินตามหลักเกณฑ์แล้ว จึงไม่จําต้องรับผิดแต่อย่างใด

                      ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงนําคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองขอให้ มีคําพิพากษาหรือคําสั่งให้เพิกถอนคําสั่งดังกล่าว

                      การกําหนดความรับผิดเฉพาะเงินงบประมาณ โดยมีคําสั่งให้ผู้ฟ้องคดีและนายเชียรรับผิด โดยมิได้ให้เจ้าหน้าที่อื่นร่วมรับผิดด้วย ถือได้ว่าเป็นการใช้อํานาจโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ?

                      ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้อํานวยการกองคลัง มีอํานาจหน้าที่ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับการเงิน การงบประมาณและการบัญชี ย่อมต้องมีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายและระเบียบมากกว่า บุคคลอื่นเนื่องจากเป็นการปฏิบัติงานในหน้าที่ของตน การที่ผู้ฟ้องคดี นายเนียร และนางบุษ ได้ร่วมกันอนุมัติ จ่ายเช็คระบุชื่อนางสาวพร โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้องว่าจะต้องสั่งจ่ายในนามของเจ้าหนี้ เป็นการฝ่าฝืน ข้อ ๓๘ ทวิ (๑) ของระเบียบการเก็บรักษาเงินฯ พ.ศ. ๒๕๒๐ และข้อ ๕๔ ของระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. ๒๕๒๐ หากได้ตรวจสอบเพียงเล็กน้อยก็จะทราบถึงการฝ่าฝืนดังกล่าว กรณีเป็นการปฏิบัติหน้าที่ โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

                      นอกจากนี้ การที่ผู้ฟ้องคดีให้ความเห็นและนายพีได้อนุมัติให้นางสาวพรยืมเงินรายได้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ได้รายงานให้ทราบว่ามีเงินคงค้าง เป็นการฝ่าฝืนข้อ ๔๒ ของระเบียบการเก็บรักษาเงินฯ พ.ศ. ๒๕๒๐ นายสมผู้อนุมัติให้นางสาวพรจัดซื้อวารสารและหนังสือโดยวิธีตกลงราคาครั้งหนึ่งเกินกว่า ๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นการฝ่าฝืนข้อ ๑๙ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ นายเชียรและนางสาวดา ซึ่งทําหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน ย่อมรู้กฎหมายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลังและ กฎหมายที่เกี่ยวข้องดีกว่าคนอื่น แต่ได้เขียนเช็คสั่งจ่ายโดยระบุชื่อนางสาวพร โดยมิได้จัดให้นางสาวพรยืมเงิน เป็นการฝ่าฝืนข้อ ๓๘ ทวิ ของระเบียบการเก็บรักษาเงินฯ พ.ศ. ๒๕๒๐ และนายจรูญซึ่งมิได้รวบรวม หลักฐานใบสําคัญคู่จ่ายอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ เป็นการฝ่าฝืนข้อ ๖๘ ของระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. ๒๕๒๐ กรณีจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเช่นเดียวกัน

                      เมื่อความเสียหายที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้รับเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงิน ไม่ใส่ใจรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ แต่กลับช่วยกันปกปิดและ ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายจากการกระทํา ของนางสาวพร ที่อาศัยโอกาสในการปฏิบัติหน้าที่จงใจนําเงินของทางราชการไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้น การกําหนดความรับผิดเฉพาะกรณีเงินงบประมาณโดยให้ผู้ฟ้องคดีและนายเชียรรับผิด แต่มิได้ให้เจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องรับผิดด้วย จึงไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่สอดคล้องกับ มาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (คําพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๖๑๓/๒๕๕๕)

                      คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า คําสั่งให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดเป็นเงิน ๕๖๗,๕๑๖.๒๗ บาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเนื่องจากพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณ์ที่จะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ทําละเมิด โดยให้คํานึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทํา และความเป็นธรรมในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์ โดยไม่ต้องให้ใช้เต็มจํานวนความเสียหาย และถ้าการละเมิดเกิดจากความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐหรือระบบการดําเนินงานส่วนรวม ให้หักส่วนแห่งความรับผิดดังกล่าว ออกด้วย ทั้งในกรณีที่การละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคนก็มิให้นําหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ และให้เจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น แม้ว่าผู้ฟ้องคดีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะมิได้มีส่วนในการทุจริต และการสั่งจ่ายเช็คก็เพื่อให้นําเงินไปจ่ายแก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน โดยมิได้มีเจตนาให้นําไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวก็ตาม แต่การปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังที่เพียงพอ ย่อมเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริต ดังนั้น เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกคนจึงต้องรับผิดในผลของการกระทํา โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงตามตําแหน่งหน้าที่ของตน แต่จะต้องรับผิดภายหลังจากหักส่วนความรับผิด ของหน่วยงานของรัฐเพียงใดนั้น คําพิพากษาศาลปกครองในคดีนี้มีคําตอบสําหรับเป็นแนวทางในการวินิจฉัย ความรับผิด อีกทั้งคดีนี้ยังถือได้ว่าเป็นอุทาหรณ์และบรรทัดฐานการปฏิบัติราชการที่ดีสําหรับเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน การคลัง การงบประมาณและการบัญชีได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้สนใจสามารถศึกษา รายละเอียดเพิ่มเติมได้จากคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว

                      เครดิต จัดทําโดยนางสาวสุนันทา ศรีเพ็ง , พนักงานคดีปกครองชํานาญการ , กลุ่มเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการและวารสาร สํานักวิจัยและวิชาการ สํานักงานศาลปกครอง , วารสารกรมประชาสัมพันธ์ คอลัมน์กฎหมายใกล้ตัว ฉบับเดือนกันยายน ๒๕๕๘

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ... จ่ายตามฐานะไม่ได้ !

คดีปกครองที่นำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยพิบัติจากฝนตกหนักและลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเ...