4 ก.ค. 2559

ทุจริตโครงการรัฐ … ฤาจะพ้นความรับผิด

                       
            พระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้กําหนดถึงเหตุแห่งการสิ้นสุดสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลไว้หลายกรณี อาทิเช่น เป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริต หรือเสื่อมเสียทางศีลธรรม (มาตรา ๔๗ ทวิ (๒)) หรือเพราะเหตุที่มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญา หรือกิจการที่กระทํากับสภาตําบลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (มาตรา ๔๗ ตรี (๔)) ดังเช่น การที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการตรวจรับงานจ้าง แต่ได้ตรวจรับงานโดยไม่ระมัดระวังและรอบคอบ จนกระทั่งได้มีการจ่ายเงินค่าจ้างให้กับผู้รับจ้าง และขณะเดียวกันมารดาของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลดังกล่าว ก็ได้เป็นคู่สัญญาในสัญญาจ้างด้วย จะถือว่าสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลดังกล่าว มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ และเป็นผู้มีเหตุที่มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมกับสัญญา อันเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตําแหน่งหรือไม่ ?

                       ซึ่งตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุขององค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๘ กําหนดให้คณะกรรมการตรวจการจ้างงานก่อสร้างมีหน้าที่ตรวจสอบรายงานการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง กรณีที่เห็นว่า ผลงานที่ส่งมอบทั้งหมดหรืองวดใดก็ตาม ไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกําหนดในสัญญา ต้องรายงานให้ประธานกรรมการบริหารผ่านหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุเพื่อทราบ หรือสั่งการแล้วแต่กรณี และหากผู้มีอํานาจหน้าที่ดําเนินการตามระเบียบนี้ หรือผู้หนึ่งผู้ใดกระทําการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ หรือกระทําการโดยมีเจตนาทุจริต ถือว่า ผู้นั้นกระทําผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการหรือตามกฎหมายเฉพาะของส่วนราชการนั้น ซึ่งในกรณีที่เป็นการกระทําของผู้บริหารท้องถิ่น ให้ถือว่า เป็นการกระทําผิดตามกฎหมายว่าด้วยสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล

                       คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๕๗/๒๕๕๔ ได้วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไว้ ดังนี้

                       ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ (นาย ก.) และผู้ฟ้องคดีที่ ๒ (นาย ข.) เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตําบลและกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตําบลได้ถูกร้องเรียนว่า ทุจริตโครงการก่อสร้างถนนในองค์การบริหารส่วนตําบล

                       ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (ผู้ว่าราชการจังหวัด) มีคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ผลการสอบสวนเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสองมีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบและเป็นกรรมการตรวจการจ้างตามโครงการต้องตรวจรับการจ้างให้เป็นไปตามรายละเอียดโครงการ และมีอํานาจสั่งให้ผู้รับจ้างแก้ไขงานที่ไม่ถูกต้องได้ ปรากฏว่า ผู้รับจ้างทําการลงดินและลูกรังไม่ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา ดินและลูกรังขาดหายไป ผู้ฟ้องคดีทั้งสองตรวจรับงานโดยมิได้ทักท้วงและสั่งการให้ผู้รับจ้างดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ได้รายงานผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ (นายกองค์การบริหารส่วนตําบล) ว่า ผู้รับจ้างดําเนินการถูกต้อง และเบิกจ่ายเงินให้ผู้รับจ้าง นอกจากนี้ มารดาของผู้ฟ้องคดีที่ ๒ ยังเป็นคู่สัญญาจ้างกับองค์การ บริหารส่วนตําบล ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงวินิจฉัยให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองคนพ้นจากตําแหน่ง และดําเนินคดีอาญาและเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย

                       และต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (นายอําเภอ) ได้ออกคําสั่งให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ฟ้องคดีที่ ๒ พ้นจากตําแหน่งฐานเป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริต ประมาทเลินเล่อทําให้ราชการได้รับความเสียหาย และเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญากับองค์การบริหารส่วนตําบล

                       ผู้ฟ้องคดีทั้งสองเห็นว่า การดําเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองขอให้ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งดังกล่าว และให้มีการออกคําสั่งระงับการเรียกเงินค่าเสียหายจนกว่าคดีอาญาจะมีคําพิพากษาถึงที่สุด

                       สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลทั้งสอง มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ หรือไม่ ?

                       ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งสอง (นาย ก. และนาย ข.) เป็นกรรมการตรวจการจ้างโครงการซ่อมแซมถนนลูกรังขององค์การบริหารส่วนตําบล ซึ่งมีการลงลูกรังถนนไม่ตลอดสายและความกว้างน้อยกว่าที่กฎหมายกําหนดไว้ การตรวจการจ้างไม่ได้ใช้ตลับเมตรตรวจสอบ ใช้เพียงการคํานวณด้วยสายตา และการเชื่อช่างโยธาผู้ควบคุมงานว่ารายงานถูกต้องแล้ว จึงลงลายมือชื่อตรวจรับการจ้างและรายงานประธานกรรมการบริหาร องค์การบริหารส่วนตําบลว่า ผู้รับจ้างดําเนินการถูกต้องแล้ว ทําให้องค์การบริหารส่วนตําบลเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างไป อีกทั้งโครงการก่อสร้างและขยายผิวจราจรถนนดินของหมู่บ้าน การดําเนินการซ่อมแซมถนนไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดที่กําหนดไว้ ทั้งขนาด ความกว้าง ความสูง และปริมาตรดินที่ขุด ดังนั้น การที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสองยังคงตรวจรับการจ้างและรายงานว่าผู้รับจ้างได้ดําเนินการโดยถูกต้องนั้น จึงเป็นกรณีที่มิได้ตรวจสอบให้ผู้รับจ้างปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาจ้าง อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อ ๔๘ แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุ ขององค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๘ พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีทั้งสองจึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ อันถือได้ว่าเป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริตซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลตามมาตรา ๔๗ ทวิ (๒) แห่งพระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ อันทําให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลสิ้นสุดลงตามมาตรา ๔๗ ตรี วรรคหนึ่ง (๕) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว

                       ประเด็นที่สอง การที่มารดาของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบล เป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตําบล ถือว่าสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลผู้นั้น เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมใน สัญญานั้น หรือไม่ ?

                       ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า หากปรากฏข้อเท็จจริงเพียงว่า ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ (นาย ข.) เป็นบุตรของคู่สัญญาซึ่งเป็นมารดาของผู้ฟ้องคดีที่ ๒ ย่อมไม่อาจถือได้ว่า ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อมในสัญญากับองค์การบริหารส่วนตําบลที่ตนดํารงตําแหน่ง แต่กรณีนี้ปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ ในฐานะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับมอบงานตามโครงการโดยไม่ได้ทักท้วง เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนตําบลได้รับความเสียหาย กรณีจึงต้องถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับบุตร (ผู้ฟ้องคดีที่ ๒) อาจเป็นมูลเหตุจูงใจให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ กระทําการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่มารดาของตนซึ่งเป็นคู่สัญญาในโครงการดังกล่าว จึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีที่ ๒ เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยทางอ้อมกับองค์การบริหารส่วนตําบล ตามมาตรา ๔๗ ตรี (๔) แห่งพระราชบัญญัติสภาตําบล และองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ดังนั้น การมีคําวินิจฉัยให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ฟ้องคดีที่ ๒ พ้นจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบล จึงเป็นคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

                       คดีนี้จึงเป็นบรรทัดฐานการปฏิบัติราชการที่ดีสําหรับเจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีอํานาจหน้าที่ในการตรวจรับงานจ้างว่า จะต้องดําเนินการตรวจรับงานด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ เพราะหากปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ระมัดระวังจนทําให้ราชการเสียหาย อาจทําให้ต้องรับผิดฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันถือว่าเป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริตต่อหน้าที่ได้ ขณะเดียวกันการที่มารดาของเจ้าหน้าที่ผู้ทําหน้าที่เป็นกรรมการตรวจการจ้างได้เข้ามาเป็นคู่สัญญากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การทําหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ย่อมจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับมารดาและทําให้เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยทางอ้อม อันเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตําแหน่งได้

                       เครดิต นางสาวเบญญาภา ไชยคํามี , พนักงานคดีปกครองปฏิบัติการ , สํานักวิจัยและวิชาการ สํานักงานศาลปกครอง , คอลัมน์มุมกฎหมาย วารสารกํานันผู้ใหญ่บ้าน ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ... จ่ายตามฐานะไม่ได้ !

คดีปกครองที่นำมาเล่าสู่กันฟังในฉบับนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยพิบัติจากฝนตกหนักและลมพัดแรงทำให้หลังคาบ้านเ...